×

เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ในมุมมอง นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง SAFE Fertility Group PCL เมื่อ ‘ความพร้อม’ คือหัวใจของการมีลูกในคนรุ่นใหม่ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
22.08.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • สมัยก่อนการใช้เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์เคยถูกมองว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย สำหรับคนที่มีลูกยาก แต่วันนี้กลายเป็น เครื่องมือสำคัญเพื่อช่วยในการวางแผนครอบครัวในอนาคต
  • SAFE Fertility Group PCL ยึดหลัก ‘Personalized Treatment’ หรือ ‘การวางแผนเฉพาะบุคคล’ เพราะปัจจัยของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ตั้งแต่ร่างกาย ประวัติสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงความคาดหวัง
  • ตอบโจทย์ผู้รับบริการทั้งชาวไทยและต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมอัตราความสำเร็จที่สม่ำเสมอ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น PGTseq-A, IMSI by Leica และ Vitrification by Kitazato

แม้สถิติจะบอกว่าคนรุ่นใหม่อยากมีลูกน้อยลง แต่เทรนด์การฝากไข่ การทำ ICSI/IVF หรือตรวจร่างกายให้พร้อมก่อนตั้งครรภ์ ก็สะท้อนว่าหลายคนยังมีความตั้งใจที่จะเป็นพ่อแม่ในอนาคต จึงเลือกที่จะ ‘วางแผนอนาคต’ มากขึ้น

 

วันนี้ THE STANDARD ชวนรู้จัก SAFE Fertility Group PCL หนึ่งในคลินิกด้านการเจริญพันธุ์ชั้นนำของประเทศไทย ที่ให้คำปรึกษา ดูแล และรักษาด้านการมีบุตรยากมากว่า 20 ปี พร้อมอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่รักษา แต่ช่วย ‘วางแผนครอบครัว’ ให้คนรุ่นใหม่ ผ่านการพูดคุยกับ นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง SAFE Fertility Group PCL

 

จุดเริ่มต้นของ SAFE Fertility Group PCL

 

“ผมเริ่มคลินิกนี้จากความรู้สึกว่า ไม่อยากให้ใครหมดหวัง” นพ.วิวัฒน์ เริ่มเล่าอย่างเรียบง่าย

 

“ย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีก่อน ผมไม่ได้คิดจะเปิดคลินิกเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ แต่เพราะผมเห็นแววตาของคนไข้จำนวนมากที่อยากมีลูกแล้วต้องเจอกับความผิดหวัง ผมจึงมองว่าอยากสร้าง ‘พื้นที่’ ที่ใช้วิทยาศาสตร์และความเข้าใจเพื่อตอบคำถามคนไข้เกี่ยวกับการมีบุตรยาก และทำให้คนไข้เห็นว่า ‘ยังมีทางเลือกอยู่อีกมากมาย’”

 

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง SAFE Fertility Group 

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง SAFE Fertility Group 

 

แม้ในช่วงแรก SAFE Fertility Group PCL จะเริ่มต้นจากทีมเล็ก ๆ เทคโนโลยีก็ยังใหม่ และบุคลากรเฉพาะทางในไทยที่มีอยู่น้อยมาก ทุกอย่างจึงต้องพัฒนาไปพร้อมกัน แต่สิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า คือ การเปลี่ยนความคิดของคนในยุคนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าภาวะการมีบุตรยากสามารถรักษาได้ หลายคนปล่อยให้เวลาผ่านไป รู้สึกผิดและโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา ทั้งที่ความจริงแล้ว พวกเขาแค่ยังไม่เจอคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้นเอง

 

ผ่านมาเกือบ 20 ปี ความคิดของคนเปลี่ยนไปไหม

 

“เปลี่ยนไปมากครับ สมัยก่อนเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์เคยถูกมองว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย สำหรับคนที่มีลูกยาก แต่วันนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อช่วยในการวางแผนครอบครัวในอนาคตไปแล้ว”

 

นพ.วิวัฒน์ อธิบายถึงแนวคิดของผู้คนที่เปลี่ยนไป ซึ่งปัจจุบันให้ความสำคัญกับ ‘การมีลูกเมื่อพร้อม’ มากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของเวลา สถานะทางการเงิน หรือสุขภาพของลูกในอนาคต

 

การบริการที่ส่งเสริมการวางแผนอนาคตของครอบครัว ร่วมกับ SAFE Fertility Group PCL มีตั้งแต่การตรวจร่างกายและคัดกรองความเสี่ยงก่อนมีบุตร ไปจนถึงการฝากไข่ในช่วงที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เพื่อเก็บไว้ใช้ในวันที่เหมาะสม รวมถึงการทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI/IVF) เพื่อคัดเลือกตัวอ่อนที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุด

 

ในปัจจุบัน กลุ่มผู้รับบริการคลินิกด้านการเจริญพันธุ์ก็ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มคู่รักที่มีบุตรยาก วันนี้มีทั้งคู่รักที่ร่างกายยังแข็งแรงปกติ ผู้หญิงโสดที่ต้องการวางแผนอนาคต และกลุ่ม LGBTQ+ ที่เริ่มมองหาแนวทางการสร้างครอบครัวในรูปแบบที่ตอบโจทย์ตัวเองมากขึ้น

 

แล้วเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์พัฒนาขึ้นมากแค่ไหน

 

“ถ้าย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ประมาณปี พ.ศ. 2550 ตอนที่ SAFE Fertility Group PCL เริ่มต้นให้บริการเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ในเมืองไทยยังถือว่าอยู่ในช่วงตั้งไข่ครับ” 

 

นพ.วิวัฒน์ เริ่มเล่าถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ในประเทศไทย

 

“สมัยนั้นหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเทคนิค GIFT (Gamete Intrafallopian Transfer) เป็นการนำไข่และอสุจิผสมกันโดยไม่รอการปฏิสนธิ จากนั้นฉีดกลับเข้าไปในท่อนำไข่ของผู้หญิงโดยตรง และปล่อยให้เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกายเอง แต่ต้องยอมรับว่าเทคนิค GIFT (Gamete Intrafallopian Transfer) ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง และมีอัตราความสำเร็จต่ำ”

 

“หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี IVF (In Vitro Fertilization) หรือที่เรียกกันว่า ‘เด็กหลอดแก้ว’ เข้ามาแทนที่ การรักษาก็มีความหวังมากขึ้น เพราะสามารถปฏิสนธิไข่และอสุจินอกร่างกาย พร้อมคัดเลือกตัวอ่อนที่มีศักยภาพ ก่อนจะย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก”

 

 

“จนมาถึงปัจจุบัน มีเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งเทคโนโลยี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ซึ่งเป็นการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุด แล้วใช้เข็มฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่เคยล้มเหลวจาก IVF แบบเดิม”

 

สิ่งที่คนไทยมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฝากไข่ (ฝากแช่แข็งไข่)

 

แม้เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์จะพัฒนาไปไกล แต่ นพ.วิวัฒน์พบว่ายังมีสิ่งที่คนไทยยังเข้าใจผิดอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการ ‘ฝากไข่’

 

“หลายคนคิดว่าฝากไข่เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งไม่จริงเลยครับ”

 

นพ.วิวัฒน์อธิบายเพิ่มเติมว่า ไข่ของผู้หญิงอายุ 30 กับ 38 ปี มีคุณภาพต่างกันมาก แม้จะดูห่างกันไม่กี่ปี แต่ส่งผลต่อการปฏิสนธิชัดเจน ดังนั้นช่วงเวลาที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฝากไข่ (ฝากแช่แข็งไข่)

 

อีกหนึ่งความเข้าใจผิดคือ คนที่มีภาวะทางสุขภาพ เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS) หรือเนื้องอกในมดลูก มักเข้าใจว่าฝากไข่ไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง หากได้รับการดูแลและวางแผนอย่างเหมาะสมโดยแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการมีลูกได้เช่นเดียวกัน

 

แสดงว่า ‘การดูแลและรักษาด้านการเจริญพันธุ์’ ไม่มีสูตรสำเร็จ?

 

“แน่นอนครับ การดูแลและรักษาด้านการเจริญพันธุ์ไม่ใช่กระบวนการที่ใช้สูตรเดียวกันทุกคนได้”

 

นพ.วิวัฒน์อธิบายถึงแนวทางการดูแลของ SAFE Fertility Group PCL ที่ยึดหลัก ‘Personalized Treatment’ หรือ ‘การวางแผนเฉพาะบุคคล’ เพราะปัจจัยของแต่ละบุคคลล้วนแตกต่างกัน ตั้งแต่ร่างกาย จิตใจ ประวัติสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงความคาดหวัง

 

SAFE Fertility Group PCL จึงวางแผนการดูแลให้เหมาะกับแต่ละบุคคลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • วิเคราะห์สุขภาพอย่างละเอียด (Comprehensive Health Assessment)
    ตรวจฮอร์โมน คุณภาพอสุจิหรือไข่ สุขภาพมดลูก ภาวะรังไข่เสื่อมหรือถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด พฤติกรรมการนอน และโภชนาการ

 

  • เลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับแต่ละเคส  (Tailored Advanced Technology Approach)
    SAFE Fertility Group PCL พร้อมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGTseq-A) สำหรับคู่ที่มีประวัติแท้งซ้ำ หรือมีความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม

 

  • ดูแลแบบองค์รวม (Holistic Fertility Care)
    ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และผู้ดูแลคนไข้ส่วนตัว (Personal Assistant: PA) ดูแลแบบ 1:1 พร้อมบริการเสริมอย่างแพทย์แผนจีน และเวชศาสตร์ฟื้นฟู

 

  • วางแผนอนาคตตามเป้าหมายของแต่ละบุคคล (Personalized Treatment Planning)
    เช่น สำหรับผู้หญิงที่ยังโสด แต่ต้องการฝากแช่แข็งไข่ไว้ใช้ในอนาคต หรือคู่สมรสที่ต้องการวางแผนเติมเต็มครอบครัวทีสมบูรณ์

 

บรรยากาศภายใน SAFE Fertility Group PCL สาขา Gaysorn Amarin

บรรยากาศภายใน SAFE Fertility Group PCL สาขา Gaysorn Amarin

 

เทคโนโลยีที่ใช่ สำหรับแต่ละความแตกต่าง

 

จากประสบการณ์อันยาวนาน SAFE Fertility Group PCL ได้พัฒนาแนวทางการรักษาที่ผสานศาสตร์ของเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์เข้ากับความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ไปจนถึงการแช่แข็งในห้องปฏิบัติการเฉพาะทางที่อยู่ภายในคลินิก ด้วยมาตรฐานระดับสากล และดำเนินการภายใต้การดูแลของนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อน (Embryologist) ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์แห่งยุโรป (ESHRE) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลกที่กำหนดมาตรฐานของเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ ทั้งหมดนี้ทำให้ SAFE Fertility Group PCL เป็นที่ไว้วางใจของผู้รับบริการชาวไทยและต่างชาติ พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในความสำเร็จ เช่น

 

  • PGTseq-A
    เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจาก PGT-A แบบเดิม โดยเป็นการตรวจคัดกรองตัวอ่อนที่มีโครโมโซมครบ 23 คู่ (โครโมโซมร่างกาย 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ ได้แก่ XX หรือ XY) ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ ลดโอกาสการแท้งบุตร และลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่เกิดจากความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) หรือเอ็ดเวิร์ดซินโดรม (Edwards Syndrome)

 

  • IMSI by Leica
    กล้องจุลทรรศน์ความละเอียดสูงมากกว่า 6,000 เท่า ใช้คัดเลือกอสุจิที่รูปร่างสมบูรณ์ที่สุด ก่อนนำไปฉีดเข้าไข่โดยตรง ซึ่งเหมาะกับคู่ที่มีปัญหาคุณภาพอสุจิ และช่วยลดโอกาสที่ตัวอ่อนจะหยุดการเจริญเติบโต

 

  • Vitrification by Kitazato
    เทคโนโลยีแช่แข็งไข่และตัวอ่อนแบบผลึกแก้ว ด้วยการลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายจากการเกิดผลึกน้ำแข็งภายในเซลล์ ช่วยให้ไข่และตัวอ่อนมีความแข็งแรงแม้จะถูกแช่แข็งเป็นเวลานาน ก็ยังคงคุณภาพสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับความสำเร็จในอนาคต

 

 

มุมมองของ SAFE Fertility Group PCL ในอนาคต

 

กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา SAFE Fertility Group PCL ไม่ได้เติบโตแค่ในฐานะคลินิกที่ดูแลด้านการเจริญพันธุ์ที่ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก แต่ยังปรับบทบาทสู่ ‘คลินิกเพื่อการมีบุตร’ ให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการมากกว่าการรักษา แต่ยังต้องการพื้นที่ปลอดภัยที่ ‘เข้าใจ’ การเดินทางครั้งสำคัญของชีวิต

 

จากทีมเล็ก ๆ ในวันแรก วันนี้ SAFE Fertility Group PCL ขยายสู่ 5 สาขา มีทีมผู้ดูแลคนไข้ส่วนตัวในหลากหลายภาษา (Multilingual Personal Assistant) เพื่อรองรับผู้รับบริการจากนานาชาติ และดำเนินงานอย่างเป็นระบบในฐานะบริษัทมหาชน (Public Company Limited) ทั้งหมดสะท้อนความตั้งใจในการยกระดับมาตรฐานการรักษา และขยายการเข้าถึงการดูแลทุกกลุ่มเป้าหมายเท่าที่จะเป็นไปได้

 

 

อย่างไรก็ตาม นพ.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ตัวเลขความสำเร็จอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

 

“เป้าหมายของผมไม่ใช่แค่เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของการตั้งครรภ์ แต่คือการสร้าง SAFE Space ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า ‘ยังมีความหวัง’ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก คนโสด หรือ LGBTQ+ ทุกคนควรมีสิทธิ์ในการสร้างครอบครัวของตัวเอง”

 

และมากไปกว่านั้นอยากให้ SAFE Fertility Group PCL เป็นเหมือน ‘เพื่อนร่วมทาง’ ที่เข้าใจว่าเบื้องหลังการตัดสินใจมีลูก ไม่ได้มีแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเปราะบาง ความกลัว และความคาดหวัง ที่ต้องการการดูแลด้วยความเข้าใจ

 

“เราจะยังทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ใน Chapter ไหนของชีวิตก็ตาม” นพ.วิวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ติดตามเบื้องหลังและความสำเร็จของ SAFE Fertility Group PCL ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=tOibZE0s1K4

 

หรือสามารถดูรายละเอียดบริการเพิ่มเติมได้ที่ https://www.safefertilitygroup.com/th/home

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising