ภูมิทัศน์ของวงการละครเวทีบ้านเรานั้น หากไม่ถูกผูกติดไปกับเครือใหญ่อย่างบ้านรัชดาลัยฯ ผู้ชมหรือแฟนละครก็คงไม่ค่อยได้ทราบข่าวคราวของละครเวทีอื่นๆ หลากหลายแขนงที่มักจะวนเวียนจัดกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งล้วนต่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้ละครโรงใหญ่ไหนเลย โดยเฉพาะเมื่อเราได้รับคำเชิญชวนจากกลุ่ม Life’s Theatre ภายใต้ธงนำของ ‘ครูหนิง-พันพัสสา ธูปเทียน’ ให้มารับชมละครเรื่องใหม่ของพวกเขาชนิดที่เราเองก็ยัง ‘ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย’ ในชื่อ ‘RX3: Rose/Mary with Rocket and Roong’ ยิ่งทำให้เราตระหนักได้ว่าในโลกของละครเวทีเมืองไทยยังมีแง่มุมและความน่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งหลบซ่อนสายตาผู้ชมอยู่ และครั้งนี้ THE STANDARD เองก็ตั้งใจอยากให้คุณผู้อ่านได้ออกจากบ้านไปลิ้มรสชาติละครเรื่องนี้กัน เพราะพวกเขาแสดงกันแบบสองแคสต์ในเนื้อเรื่องเดียว ต่างกันที่บริบท โดยจะเล่นสองเรื่องนี้ต่อกันทันที มีเวลาให้คุณพักหายใจหายคอแค่ 15 นาทีเท่านั้น!
สำหรับการแสดงครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ THE STANDARD ได้รับเกียรติให้เป็นเพียงสื่อเดียวที่ได้เข้าร่วมชมการซ้อมเสมือนจริงในช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 พฤษภาคม) พร้อมร่วมวงสนทนาและแสดงความคิดเห็นกับเหล่าบุคลากรในแวดวงละครเวที ซึ่งทั้งตัวผู้กำกับเอง รวมไปถึงนักแสดงนำทั้งสี่ท่านอันได้แก่ เอ๋-นรินทร ณ บางช้าง, ออร์แกน-ราศี ดิศกุล ณ อยุธยา, ซอ-สทาศัย พงศ์หิรัญ และ โย-อภิรักษ์ ชัยปัญหา ก็ร่วมนั่งรับฟังเพื่อนำคำติชมไปปรับปรุงและแก้ไขโชว์ให้สมบูรณ์ขึ้น
ความน่าสนใจประการแรกของละครเวที RX3: Rose/Mary with Rocket and Roong คือการนำบทประพันธ์ดั้งเดิมของ เอ็ดเวิร์ด อัลเลน เบเกอร์ (Edward Allan Baker) ในชื่อ ‘Rosemary with Ginger’ อันเป็นบทประพันธ์ที่ใช้แสดงกันอย่างแพร่หลายในแวดวงละครเวทีทั่วโลก แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บทประพันธ์ดังกล่าวได้ถูกหยิบยกมาแสดงในประเทศไทย อันว่าด้วยเรื่องของสองสาวพี่น้อง ‘โรสแมรี’ และ ‘จินเจอร์’ ที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากต่างผ่านเรื่องราวเลวร้ายกันมา ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งอันเป็นธุรกิจของครอบครัว ต่างคนก็ต่างย้อนคุยเรื่องปัญหาของตัวเอง เรื่องอดีตของครอบครัว ใส่อารมณ์ ก่นด่า โวยวาย และทลายกำแพงความรู้สึกใส่กันอย่างบ้าคลั่ง
ความแตกต่างที่ผู้กำกับเลือกนำเสนอคือการหยิบยกเอาบทประพันธ์ดั้งเดิมมาดัดแปลงให้ออกมาเป็นสองเวอร์ชัน ใช้นักแสดงสองแคสต์ในการเล่น เรื่องแรกนั้นเป็นเรื่องของ ‘โรสและรุ้ง’ ซึ่งอ้างอิงตัวละครจากต้นฉบับแต่เลือกเปลี่ยนฉากหลังของเรื่องให้กลายเป็นเมืองอู่ตะเภาในยุคจีไอล่มสลายราวปีพุทธศักราช 2528 และอีกเวอร์ชันในชื่อ ‘Rosemary and Rocket’ ที่เลือกล้อบริบทเวลาของเรื่องไปกับเวอร์ชันออริจินัล แต่เปลี่ยนบทบาททางเพศของตัวละครให้แตกต่าง กล่าวคือในเวอร์ชันออริจินัลนั้นเป็นเรื่องของสองพี่น้องผู้หญิง แต่ในเวอร์ชันนี้เลือกเปลี่ยนเป็นสองพี่น้องผู้ชาย คนพี่เป็นแดรก ส่วนคนน้องเป็นเควียร์ (Rocket คือตัวละครเกย์ที่แต่งงานกับผู้หญิงและมีลูกด้วยกัน)
ในฐานะของผู้ที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวย่นย่อของละครเรื่องนี้มาก่อน เราพบว่าการดัดแปลงบริบทของเรื่องทั้งระยะเวลาที่เกิดขึ้น หรือเพศของตัวละครนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเคอะเขินที่จะชม หรือยากเกินไปที่จะเข้าใจ แถมยังได้อรรถรสใหม่ๆ จากการจับจ้องวิธีคิดของตัวละคร หรือคำพูดคำจาในวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น วิธีการใช้คำศัพท์หยาบคายในยุคจีไอที่พ่นออกมาจากน้ำเสียงของ เอ๋-นรินทร ก็ทำให้เราย้อนนึกไปถึงยุคนั้นได้จริงๆ ประหนึ่งหลุดเข้าไปในโลกของ ‘ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด’ หรืออย่างการที่ โย-อภิรักษ์ แปลงร่างเป็นแดรกร่างใหญ่ขี้โวยวาย จริตการแสดงของเขาก็ทำให้เราเชื่อจริงๆ ว่าการเป็นแดรกยุค 30’s ของอเมริกานั้นเป็นอย่างไร
สิ่งหนึ่งที่คุณหายห่วงว่าจะไม่กลัวคุ้มค่าบัตรคือการได้รับชมศักยภาพทางการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 4 คน ที่ต้องจำบทอันยาวเหยียดความยาว 45 นาทีและเล่นต่อเนื่องให้สมบูรณ์ที่สุด เรื่องการแสดงในพาร์ตของ ‘โรส’ และ ‘รุ้ง’ สองศรีพี่น้องที่รับบทโดย เอ๋-นรินทร ณ บางช้าง และ ออร์แกน-ราศี ดิศกุล ณ อยุธยา ที่เป็นการลงสนามประเดิมการแสดงละครเวทีเป็นครั้งแรกของเธอ เราต้องยอมรับว่าจังหวะในการแสดงของทั้งสองคนนั้นลื่นไหล และมีความเป็นธรรมชาติอย่างเหลือเชื่อราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมาจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครของโรส ที่นรินทรแสดงบทบาทของผู้หญิงมีปัญหา และเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร เนื่องด้วยภาวะการติดแอลกอฮอล์ได้อย่างน่าเกรงขาม น่าหมั่นไส้ และเติมแต่งจริตจก้านจนทำให้เรารู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงที่ใช้ชีวิตในยุคจีไอครองอู่ตะเภาจริงๆ และซีนที่น่าจดจำที่สุดคือการที่เธอสติหลุด แสร้งว่าพูดอยู่กับลูกสาวตัวเอง เธอเปลี่ยนสีหน้า แววตา และน้ำเสียงอย่างหมดจด และแน่นอนว่ามันทำให้ผู้ชมเกือบจะขาดใจตามเธอไปด้วย
โดยรวมแล้วประเด็นที่ละครเวทีเรื่องนี้ต้องการนำเสนอที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์แบบ ‘น้องพี่ที่รัก’ ที่ทำออกมาได้ชนิด ‘ถึงพริกถึงขิง’ เพราะมันเป็นการจับจดกับพฤติกรรมของพี่น้องความสัมพันธ์ประหลาดที่คุณจะตั้งคำถามกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้อย่างต่อเนื่องจนจบเรื่อง และการเผชิญหน้ากับเรื่องราวในอดีตที่พวกเธออยากจะเลือนมันไปจากความทรงจำ รวมไปถึงความหมายของคำว่า ‘เลือดข้นกว่าน้ำ’ ที่สุดท้ายแล้วคนที่พร้อมจะประคองเราไว้ในทุกๆ เวลาก็ไม่ใช่ใครไหนไกล นอกจากคนในครอบครัวตัวเองเท่านั้น และนี่เป็นสิ่งที่น่าจดจำและทำให้เรารู้สึกประทับใจที่สุด เมื่อได้ชมละครเวทีเรื่องนี้
เราอยากให้คุณลองสัมผัสประสบการณ์ชมละครเวทีเรื่องเดียวกัน แต่มีบริบทที่แตกต่าง และเล่นให้ชมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณสำรวจจิตใจและความรู้สึกของมนุษย์ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน แต่ต่างบทบาทและเวลา เพราะเราเชื่อมั่นว่าละครเวทีโรงเล็กเรื่องนี้คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ศักยภาพของนักแสดงและผู้กำกับตัวเล็กๆ ในเมืองไทยอย่างแท้จริง
- ละครเวที RX3: Rose/Mary with Rocket and Roong จะจัดแสดงให้ชมเพียง 13 รอบเท่านั้นที่ Bluebox Studio ภายในโรงละครเอ็ม เธียเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตั้งแต่วันนี้ถึง 13 มิถุนายนนี้ เวลา 19.30 น. (งดรอบแสดงทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี) ในรอบวันเสาร์ที่ 2 และ 9 มิถุนายน เพิ่มรอบการแสดงเวลา 14.00 น. บัตรราคาเพียง 650 บาทเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/lifetheatre.net หรือโทร. 08 1559 3847 08 6408 5466 และ 08 1291 0096
- แผนที่: