วานนี้ (29 พฤษภาคม) เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เน้นย้ำว่าการปลดปล่อยดอนบาส หรือภูมิภาคตะวันออกของยูเครน คือเป้าหมายสำคัญสูงสุดที่ต้องทำให้สำเร็จโดยไม่มีเงื่อนไข หลังจากตัดสินใจทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้านอย่างยูเครนมานานกว่า 3 เดือนแล้ว โดยอ้างว่าต้องการต่อสู้กับแนวคิดนีโอนาซีในสังคมยูเครน เพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อสงคราม
อีกทั้งลาฟรอฟยังยืนยันว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่จะมีอายุครบ 70 ปีในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ไม่ได้มีอาการป่วยรุมเร้าตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด และชี้แจงว่าภูมิภาคดอนบาสเป็นพื้นที่สำคัญที่รัสเซียกำลังหันมาทุ่มกำลังรบให้ โดยได้รับความช่วยเหลือจากบรรดากองกำลังแบ่งแยกดินแดนทั้งในแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพรัสเซียมานานร่วมทศวรรษ
ลาฟรอฟระบุว่า “ทั้งโดเนตสก์และลูฮันสก์ได้รับการรับรองสถานะเป็นรัฐอิสระโดยทางการรัสเซีย ดังนั้นประเด็นนี้จึงมีความสำคัญมากอย่างไม่มีเงื่อนไข เป้าหมายของเราคือการขับให้กองกำลังยูเครนทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ของโดเนตสก์และลูฮันสก์ให้ได้
“ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชาวยูเครนที่เหลือ หากพวกเขามีความสุขที่จะกลับไปอยู่ภายใต้ระบบนีโอนาซี ก็เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาเกลียดกลัวรัสเซีย (Russophobic)”
ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่ตัดสินใจเดินทางออกจากกรุงเคียฟ และเยือนเมืองคาร์คีฟ หนึ่งในสมรภูมิรบที่สำคัญเป็นครั้งแรก ก็ให้คำมั่นว่ากองทัพและกองกำลังยูเครนจะปกป้องประเทศนี้ แม้ต้องยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย มั่นใจว่ายูเครนจะได้รับชัยชนะในท้ายที่สุด
แฟ้มภาพ: Russian Foreign Ministry / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
