วานนี้ (16 มีนาคม) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ชี้ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เป็นอาชญากรสงคราม ท่ามกลางไฟสงครามในยูเครนที่ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และขอบเขตความเสียหายยังคงขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังกองทัพรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนมาแล้วกว่า 3 สัปดาห์
ในเบื้องต้น ทางการสหรัฐฯ มีความลังเลใจที่จะกล่าวถึงมิติการก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน แต่เนื่องจากภาพของการใช้อาวุธและความรุนแรง พลเรือนยังคงทยอยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากความโหดร้ายดังกล่าว อีกทั้งผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในยูเครนก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกเช่นกัน โดยทางการสหรัฐฯ เชื่อว่า ความโหดร้ายป่าเถื่อนยังคงดำเนินอยู่ และหากมีการตั้งเป้าที่จะโจมตีใส่พลเรือนโดยเจตนาก็จะถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
ทางด้าน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผยว่า ไบเดนตอบคำถามนักข่าวจากก้นบึ้งของจิตใจอย่างตรงไปตรงมา ภาพที่เราเห็นคือการกระทำที่ป่าเถื่อนของเผด็จการต่างชาติที่เข้าไปก่อสงครามในประเทศประเทศหนึ่ง โดยกำลังคุกคามและพรากเอาชีวิตของพลเรือนประเทศนั้นไป กระทบต่อโรงพยาบาล ผู้หญิงจำนวนมากที่กำลังตั้งครรภ์ สื่อมวลชนและประชาชนคนอื่นๆ ในประเทศ
ล่าสุด ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) สั่งให้รัสเซียระงับการรุกรานยูเครน โดยกล่าวว่า ‘มีความกังวลอย่างยิ่ง’ จากการใช้กำลังรุกรานของรัสเซีย ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุ คำสั่ง ICJ มีผลผูกพันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รัสเซียต้องปฏิบัติตามทันที การเพิกเฉยต่อคำสั่งดังกล่าวจะทำให้รัสเซียถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้นในประชาคมโลก
นอกจากนี้ไบเดนยังประกาศเตรียมส่งมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.66 หมื่นล้านบาท) โดยความช่วยเหลือดังกล่าวจะส่งมอบโดยตรงจากกระทวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้แก่กองทัพยูเครน เพื่อเสริมระบบต่อต้านมิสไซล์และจัดการกับเครื่องบินของรัสเซียที่โจมตีใส่ผู้คนชาวยูเครนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปกป้องน่านฟ้าของยูเครนด้วยเช่นกัน
“โลกกำลังรวมเป็นหนึ่งในการสนับสนุนยูเครนและพวกเราตัดสินใจว่า ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียจะต้องชดใช้ในราคาที่สูงมากๆ
สหรัฐฯ จะเป็นผู้นำในความพยายามนี้ ร่วมมือกับบรรดาเหล่าพันธมิตรทั้งหลาย ส่งมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมอย่างเช่นที่เราทำให้วันนี้ และเราจะยังคงเดินหน้าทำสิ่งที่มากกว่านี้ในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้”
ภาพ: Kent Nishimura / Los Angeles Times via Getty Images
อ้างอิง: