วิกเตอร์ โซโลตอฟ ผู้อำนวยการกองกำลังพิทักษ์ชาติและสมาชิกสภาความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แสดงความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของกองกำลังพิทักษ์ชาติว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนนั้นไม่ได้เดินหน้าไปเร็วเหมือนที่รัฐบาลเครมลินต้องการ ซึ่งถือเป็นการยอมรับครั้งแรกจากรัสเซียว่าการทำสงครามบุกยูเครนนั้นไม่เดินหน้าไปตามแผนที่วางไว้ แต่ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้ในที่สุด
“ผมต้องการจะบอกว่าใช่ ไม่ใช่ทุกสิ่งจะเดินหน้าไปเร็วอย่างที่เราต้องการ แต่เรากำลังเดินไปสู่เป้าหมายของเราทีละขั้นตอน และชัยชนะจะเป็นของเรา” โซโลตอฟกล่าว พร้อมทั้งระบุถึงสาเหตุที่การทำสงครามในยูเครนมีความคืบหน้าช้ากว่าที่คาดไว้ โดยกล่าวหากองทัพยูเครนที่เขาเรียกว่ากองกำลังขวาจัดว่าหลบซ่อนอยู่หลังพลเรือน
สำหรับโซโลตอฟนั้นอยู่เคียงข้างปูตินมาตั้งแต่ก่อนช่วงเปลี่ยนศตวรรษ โดยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยส่วนบุคคลให้แก่ปูตินมานานกว่า 13 ปี และรายงานตรงต่อปูติน รวมถึงเป็นผู้รับผิดชอบการส่งกำลังทหารเข้าไปยังยูเครนด้วย
ซึ่งในการประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซียก่อนที่จะเปิดฉากบุกยูเครน 3 วัน โซโลตอฟยังเป็นสมาชิกที่ให้ความเห็นตรงไปตรงมาที่สุดว่ารัสเซียควรทำอย่างไร และยังเป็นผู้แนะนำให้ปูตินรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งทางตะวันออกของยูเครนภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของโซโลตอฟสวนทางกับ เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่มั่นใจว่าปฏิบัติการทางทหารของมอสโกจะเสร็จสิ้นครบถ้วนตามเวลา
ขณะที่รัฐบาลเครมลินระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนนั้นเป็นไปตามแผน แต่กองทัพอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางและพยายามที่จะเข้าควบคุมเมืองใหญ่ของยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทาง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน ยืนยันว่ากองทัพรัสเซียระมัดระวังที่จะไม่พุ่งเป้าโจมตีไปที่พลเรือน
ส่วนทางด้านรัฐบาลยูเครนได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโซโลตอฟ โดยยืนยันว่ากองทัพยูเครนไม่มีการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ และตอบโต้ว่า กองทัพรัสเซียนั้นเป็นฝ่ายก่ออาชญากรรมสงครามด้วยการสังหารพลเรือน
ภาพ: Photo by Mikhail Svetlov / Getty Images
อ้างอิง:
