เซเลนสกีระบุ สถานการณ์ที่โบโรเดียนกาอาจรุนแรงมากกว่าที่เมืองบูชา ชี้ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ

วานนี้ (7 เมษายน) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน เผยว่าสถานการณ์ที่เมืองโบโรเดียนกาอาจรุนแรงมากกว่าที่เมืองบูชา หลังเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาผู้เคราะห์ร้ายและร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ภายใต้ซากตึกและตัวอาคารที่พังถล่มจากแรงระเบิดของกองทัพรัสเซีย ชี้ชัดผู้กระทำผิดทั้งหมดต้องได้รับโทษ ชดใช้สิ่งที่ได้กระทำไว้

“จนถึงตอนนี้ทางการรัสเซียและกองทัพรัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงต่อเสรีภาพ ความมั่นคงของมนุษย์ และประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน หลังจากเหตุการณ์ที่เมืองบูชา นี่เป็นอีกครั้งที่เป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน ที่นี่รุนแรงกว่ามาก มีผู้เคราะห์ร้ายอีกจำนวนมาก”

ผู้นำยูเครนยังเผยถึงความโหดร้ายที่กองทัพรัสเซียได้ก่อขึ้นที่เมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง รวมถึงที่เมืองมาริอูโปล เซเลนสกีระบุว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าประชาคมโลกได้รู้ความจริงทั้งหมดถึงสิ่งที่กองทัพรัสเซียได้กระทำลงไปที่เมืองมาริอูโปล ที่นั่นถนนเกือบทุกสายภายในเมืองไม่ต่างจากสิ่งที่ประชาคมโลกได้เห็นที่เมืองบูชาและเมืองอื่นๆ ในแถบเมืองหลวง หลังกองทัพรัสเซียได้ถอยทัพออกไป มันคือความโหดร้ายแบบเดียวกัน เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงแบบเดียวกัน”

นอกจากนี้เซเลนสกียังชี้ว่า การเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสารและการใช้โฆษณาชวนเชื่อ ทำให้ชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อยไม่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจต่อภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน โดยเฉพาะเหตุการณ์สังหารพลเรือนในเมืองบูชาที่ทางการรัสเซียปฏิเสธไม่รู้เห็นแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากกองทัพรัสเซีย หากแต่เกิดจากฝีมือของกองทัพยูเครนเอง

โดยประธานาธิบดียูเครนยังกล่าวขอบคุณผู้แทนของประเทศต่างๆ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่เห็นชอบมีมติด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ให้ระงับบทบาทของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังมีรายงานข้อกล่าวหาว่าทหารรัสเซียได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและเป็นระบบในยูเครน รวมถึงเชิญชวนให้บรรดาสถานทูตต่างประเทศในยูเครนกลับมาเปิดทำการในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และแสดงพลังที่จะสนับสนุนยูเครนต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียในครั้งนี้

ภาพ: Ronaldo Schemidt / AFP

อ้างอิง: