×

รูเบน อโมริม ยังได้ไปต่อกับแมนฯ ยูไนเต็ด หรือจริงๆ ควรจะพอแค่นี้?

22.05.2025
  • LOADING...

“ผมไม่มีอะไรจะพูดถึงเรื่องอนาคตของผม”​ รูเบน อโมริม เปิดหัวการแถลงข่าวหลังจบเกมที่น่าผิดหวังที่ซานมาเมส เมื่อแมนเชสเตอร์​ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ต่อท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในศึกนัดชิงชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก 

 

ก่อนเกม แมนฯ ยูไนเต็ด หวังว่าอย่างน้อยการได้แชมป์รายการนี้ไม่เพียงจะเยียวยาฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของสโมสร แต่ยังอาจจะช่วยประคับประคองความหวังของการก่อร่างสร้างทีมใหม่ในฤดูกาลหน้า

 

แต่ตลอด 90 นาทีเศษที่สนามของทีมแอธเลติกบิลเบา – หนึ่งในทีมที่พลพรรคอสูรแดงจัดการบุกมาถล่มอย่างเกรียงไกร – กลับไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาคู่ควรกับการเป็นผู้ชนะเลย 

 

ถึงแม้ว่าสเปอร์สเองก็ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรเลยก็ตาม และมันเป็นหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศที่คุณภาพเลวร้ายที่สุดสำหรับผู้ชมทั่วโลก แต่ขั้นต่ำที่สุด แอนจ์ ปอสเตโคกลู ก็ทำตามคำพูดที่ทุกคนเคยขบขันกับเขาเอาไว้ว่า “ผมจะพาทีมได้แชมป์เสมอในปีที่ 2”

 

แล้วอโมริม ผู้ที่ถูกคาดหวังว่าจะพาแมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาสู่หนทางที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาทำอะไรลงไป?

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในขณะที่เสียงจากบอร์ดบริหารของโอลด์แทรฟฟอร์ดพร้อมจะวางใจให้กุนซือคนหนุ่มชาวโปรตุเกสทำทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า

 

แต่คำถามเริ่มมาแล้วว่า หรือควรจะแยกทางกันแค่ตรงนี้ดีไหม?

 

 

บนความพ่ายแพ้ต่อท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในศึกยูโรปาลีกรอบชิงชนะเลิศนั้นไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกของแฟนฟุตบอล Red Army ทั่วโลกหลายสิบล้านคนเพียงเท่านั้น

 

แน่นอนว่านี่เป็นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษตามประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสร ที่ไม่เพียงแค่จบฤดูกาลด้วยมือเปล่า แต่อันดับในตารางคะแนนยังหล่นลงไปไกลถึงที่ 16 ในปัจจุบันด้วยจำนวนแต้มที่หากเป็นในอีกหลายฤดูกาลอยู่ในกลุ่มลุ้นหนีตกชั้นด้วย

 

แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแมนฯ ยูไนเต็ด คือผลกระทบจากผลงานในสนามฤดูกาลนี้กำลังจะส่งผลต่อเนื่องถึงอนาคตของสโมสรในระยะยาว ที่อาจจะทำให้งานของ รูเบน อโมริม ยากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าในฤดูกาลหน้า 

 

ใช่ อโมริมยังได้ ‘ไปต่อ’ 

 

แต่คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ ที่ว่าไปต่อนี้จะไปอีกนานสักแค่ไหน?

 

สัญญาณเรื่องอนาคตของอโมริม นั้นมีเค้าความชัดเจนตั้งแต่ก่อนที่เกมนัดชิงชนะเลิศยูโรปาลีก ที่เมืองบิลเบา ประเทศสเปน จะเริ่มขึ้น

 

ข้อความนั้นชัดเจน “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นรูเบน อโมริมจะได้ทำงานของเขาต่อไป”

 

กล่าวคือบอร์ดบริหารของสโมสรซึ่งนำโดยเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ แห่ง INEOS เจ้าของร่วมสโมสรและ โอมาร์ เบอร์ราดา ซีอีโอของสโมสรที่ทำหน้าที่ในการบริหารกิจการของสโมสรในภาพรวมทั้งเรื่องในและนอกสนามยังคงพร้อมสนับสนุนอโมริมอย่างเต็มที่

 

การสนับสนุนนั้นอยู่บนหลักการและเหตุผลว่า กุนซือชาวโปรตุกีสสมควรจะได้โอกาสและเวลาในการทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสนับสนุนด้วยการปรับกำลังทัพเพื่อสู้ศึกใหม่ในฤดูกาลหน้าซึ่งมีการวางแผนการเสริมทัพผู้เล่นมาสักระยะแล้ว หลังจากที่ในช่วงตลาดฤดูหนาวเสริมทัพด้วยผู้เล่นวิงแบ็กอย่าง แพทริก ดอร์กู เพียงแค่คนเดียว

 

เพราะการเข้ามารับงานกลางทางบนเงื่อนไขและสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเห็นใจในความจำเป็นและจำใจ

 

หลายครั้งที่อโมริมแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงและจริงใจที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของสโมสรแห่งนี้ที่ตกอยู่ในสภาพตกต่ำอย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่เมื่อ 12 ปีที่แล้วพวกเขาเพิ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก – แชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 มากที่สุดของเกาะอังกฤษ – ในฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

แต่เวลานี้อันดับหล่นไปไกลใกล้กับโซนตกชั้น

 

สถิติที่ทำให้หลายคนตกใจคือนับตั้งแต่เข้าปี 2025 เป็นต้นมา ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาแมนฯ ยูไนเต็ด ของอโมริม เก็บได้เพียงแค่ 9 คะแนนเท่านั้น

 

9 คะแนนในรอบ 5 เดือน ไม่น่าใช่ผลงานของโคตรทีมอย่างแมนฯ​ ยูไนเต็ด

 

และในชัยชนะ 6 นัดในพรีเมียร์ลีกในยุคของเขา 3 ในนั้นเป็นการชนะ 3 ทีมที่ตกชั้นอย่าง เลสเตอร์, อิปสวิช และเซาแธมป์ตัน

 

“น่าอับอาย” น่าจะเป็นคำพูดที่สะท้อนความรู้สึกและความจริงได้ชัดเจน

 

 

ปัญหาของทีมปีศาจแดงใต้การนำของอโมริมนั้นเห็นได้ชัดมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เมื่อระบบและปรัชญาการเล่นของเขาไม่เข้ากันเลยกับผู้เล่นที่สโมสรมีอยู่ในเวลานี้

 

ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามในการค้นหาคำตอบ ซึ่งมีผู้เล่นบางรายที่ทำได้ดี ยกระดับตัวเองขึ้นมาได้พอสมควร เช่น มัตไธส์ เดอ ลิกต์, แฮร์รี แม็กไกวร์, คาเซมิโร แต่ปัญหาใหญ่คือผู้เล่นอีกส่วนใหญ่ยังทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น

 

เรื่องนี้ให้ความยุติธรรมกับอโมริมแล้วก็เข้าใจได้ เพราะการเข้ามากลางทางและหวังจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องที่ง่าย

 

เพียงแต่หากมองถึงระยะเวลาเกินครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา ผลงานของกุนซือไฟแรงก็ชวนให้ตั้งคำถามเช่นกันว่าผ่านมาตั้งหลายเดือน ไม่สามารถทำให้ทีมเล่นในแบบที่ต้องการได้แม้แต่น้อยเลยหรือ

 

ในเกมนัดชิงชนะเลิศกับสเปอร์ส ซึ่งเป็นเกมสำคัญที่มีเดิมพันมากกว่าแค่เรื่องของความสำเร็จ เพราะเกี่ยวพันกับอนาคตการวางแผนงานของสโมสรที่หวังพึ่งรายได้มหาศาลจากโอกาสในการกลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเล่นได้อย่างน่าผิดหวัง

 

พูดเป็นภาษาไทยง่ายๆ คือ ‘No Bay’ 

 

‘ไม่เอาอ่าว’

 

อโมริม ยังไม่สามารถทำให้ทีมเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพในเกมรุก ไม่มีทรงบอลที่ชัดเจน เกมรับยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง และไม่สามารถปลุกใจอังเดร โอนานา ผู้รักษาประตูของทีมให้กลับมามั่นใจอีกครั้งได้

 

ด้วยระยะเวลาที่มีอย่างน้อยขี้เหร่ที่สุดทีมก็ควรจะมีสัญญาณที่ดีให้เห็นบ้าง แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือไม่มีอะไรที่ดีขึ้นทั้งนั้น

 

และข้ออ้างเรื่องเวลานั้นยิ่งทำให้อโมริมดูแย่ เพราะกุนซือคนอื่นที่เข้ามากลางทางอย่าง วิตอร์ เปไรรา สามารถเปลี่ยนแปลงวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ให้กลายเป็นทีมที่เล่นได้ดีอีกครั้งภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

 

เช่นเดียวกันกับ เดวิด มอยส์ ที่กลับมากอบกู้และเปลี่ยนแปลงเอฟเวอร์ตันให้กลับมาเป็นทีมที่มั่นใจได้อีกครั้ง

 

สิ่งเหล่านี้นำไปสู่ความคลางแคลงใจว่าหากให้โอกาสอโมริมทำงานต่อ ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งจริงๆ ใช่ไหม?

 

 

อย่าลืมว่าฤดูกาลแห่งความน่าผิดหวังนี้กำลังจะปิดฉากลง และนั่นคือสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งทีมจำเป็นต้องวางแผนว่าจะปรับทัพและเสริมทีมในจุดใดบ้าง 

 

ลำพังเพียงจุดที่ต้องการปรับทัพก็แทบทุกจุดของทีมแล้ว ซึ่งแม้จะมีสัญญาณที่ดีอยู่บ้างกับนักเตะบางรายที่ดูมีท่าทีต้องการย้ายมาเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ด อย่าง มาเตอุส คุนญา กองหน้าอเนกประสงค์ตัวเก่งของวูล์ฟส และ มีเลียม ดีแลป หัวหอกดาวรุ่งจากอิปสวิช

 

แต่การที่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ไปแชมเปียนส์ลีกและไม่ได้ไปรายการยุโรปใดๆ อีกทำให้ส่งผลกระทบมหาศาลต่อรายรับของสโมสรที่ขาดรายได้หลัก ‘ร้อยล้านปอนด์’ โดยที่การจบอันดับ 16 (หรือดีที่สุดที่เป็นไปได้ในฤดูกาลนี้คือ 14) จะทำให้เงินรางวัลของพรีเมียร์ลีกตามระบบ Merit System น้อยกว่าทีมที่จบในกลุ่มหัวตารางมาก

 

ไม่นับรายได้เงินจากสปอนเซอร์ที่จะลดลงตามเงื่อนไข โดยเฉพาะ Adidas สปอนเซอร์ชุดแข่งที่มีรายงานว่าหากไม่ได้เล่นแชมเปียนส์ลีก รายรับจะลดลงจากที่ตกลงไว้ปีละ 90 ล้านปอนด์ลงอีกราวปีละ 10 ล้านปอนด์

 

ไม่ได้หมายความว่าแมนฯ​ ยูไนเต็ด ไม่มีเงิน เพราะพวกเขายังคงเป็นหนึ่งในสโมสรระดับท็อปของโลกที่ทำรายได้มากที่สุด พวกเขายังมีเงินอยู่แต่มันน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ และรายรับนั้นอาจไม่เพียงพอที่จะ ‘โปะ’ งบบัญชีของสโมสรที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดกฎ Profit and Sustainability Rules (PSR) 

 

นั่นหมายถึงการจะขยับซื้อผู้เล่นเป็นไปได้ยากขึ้น ต้องเลือกอย่างรอบคอบมากขึ้น  ไม่นับแรงดึงดูดผู้เล่นชั้นดีที่จะยากขึ้นไปอีกจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

 

การ ‘ขายทำทุน’ มีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้เล่นที่ยังพอมีราคาอย่าง ค็อบบี เมนู และ อเลฮานโดร การ์นาโช สองสตาร์ดาวรุ่งจากอะคาเดมีที่นอกจากจะทำเงินได้สูงยังโปะกลับมาในส่วนของ PSR ได้ครบทุกปอนด์ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเดินบัญชีมาก

 

คำถามคือเมื่อเป็นแบบนี้แล้วพวกเขายังมั่นใจที่จะซื้อผู้เล่นเพื่อสนองต่อระบบการเล่นแบบ ‘หลังสาม’ ของอโมริมจริงๆ ใช่ไหม?

 

เพราะระบบการเล่นของเขาแตกต่าง ผู้เล่นที่เหมาะสมกับระบบนี้อาจไม่เหมาะสมกับระบบอื่นก็ได้ ในกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายใหญ่ในโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกครั้งในอนาคตซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้สูง

 

หากเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเงินก้นกระปุกอีกไม่มากนัก พวกเขาไม่สามารถลงทุนเรื่อยเปื่อยและผิดพลาดโดยไม่แคร์ได้เหมือนเดิมอีก การลงทุนทุกอย่างมีเป้าหมายเพื่อการทำให้ทีมกลับมาดีขึ้นอีกครั้งโดยเร็วที่สุด

 

 

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า บอร์ดจะให้อโมริมไปต่อในแผนงานของเขา แต่คำถามคืออโมริมจะพาทีมไปต่อได้ไกลแค่ไหน

 

และยังมั่นใจใช่ไหมว่าเขาคือคนที่ ‘ใช่’ จริงๆ

 

ทีมในแบบของอโมริมหน้าตาเป็นแบบไหนมองเห็นชัดแล้วใช่ไหม? และรู้ใช่ไหมว่ากว่าจะมีทีมที่เขาฝันจริงๆ มันต้องใช้เวลาและการลงทุนอีกมากมายมหาศาลแค่ไหน ไม่ใช่ทุกอย่างจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายด้วยการโละผู้เล่น 20 คนและเติมผู้เล่นใหม่เข้ามาอีก 20 คน

 

ต่อให้ในเกม Football Manager ก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้

 

หากมีสักช่วงเวลาของความไม่แน่ใจ บางทีการหันหน้ามาคุยกันสักนิดเพื่อทบทวนความรู้สึกระหว่างกันก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

 

เช็กความรู้สึกกันและกันอีกครั้งว่า พร้อมจะไปต่อด้วยกันจริงๆ ใช่ไหม

 

หรือบางทีเราควรจะพอกันเพียงเท่านี้ แยกทางและต่างเริ่มต้นกันใหม่ เพราะตัวของอโมริมเองก็เปิดช่องว่า “หากคิดว่าเขาไม่ใช่ ก็พร้อมจะไปทันทีโดยไม่สนเรื่องเงินชดเชยด้วย”

 

มีหลายสิ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ด ควรคิดและทบทวนให้ดี

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising