การเลือกตั้ง 2566 ถือเป็นการเลือกตั้งอีกครั้งที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้นในหลายพื้นที่ และทุกที่จะมี ‘บ้านใหญ่’ เป็นเจ้าของพื้นที่ในทุกสนามเลือกตั้ง เช่นเดียวกับที่จังหวัดนราธิวาส
บ้านใหญ่นราธิวาสนำโดย กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส 4 สมัย อยู่ในวงการการเมืองมา 50 ปี เป็นนักปั้นและต้นแบบให้กับนักการเมืองคนอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้
สำหรับกูเซ็งมีลูกชายเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 คน จาก 2 พรรค คือ วัชระ ยาวอหะซัน สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้สมัคร เขต 1 นราธิวาส ส่วน กูเฮง ยาวอหะซัน ลูกชายคนน้อง สังกัดพรรคประชาชาติ ผู้สมัคร เขต 4 นราธิวาส และส่งหลานเขย อามีน โต๊ะนากายอ ผู้สมัครเขต 5 นราธิวาส ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ
โดยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่มาช่วยหาเสียงในพื้นที่นราธิวาสด้วยตัวเอง
ด้านวัชระให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่าการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนมีความมั่นใจและยังคงเชื่อว่าจะได้รับเลือกจากพี่น้องประชาชนอย่างท่วมท้นเหมือนเคย โดยเฉพาะในพื้นที่เขต 1 อำเภอเมืองนราธิวาส และอำเภอยี่งอ
“ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับเลือกตั้งจากพ่อแม่พี่น้อง ทั้งจากเขต 1 อำเภอเมืองนราธิวาส และอำเภอยี่งอ ผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะผมไม่ได้สู้กับใคร การทำงาน 4 ปีที่ผ่านมา ผมมั่นใจในผลงานของผม” วัชระกล่าว
วัชระยอมรับว่าบรรยากาศการเลือกตั้งในวันนี้กับ 30 ปีที่แล้วแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะพื้นที่เขต 1 นราธิวาสที่เป็นฐานเสียงเดิมของบ้านใหญ่ ก็มีคู่แข่งหน้าใหม่มาลงสมัคร ส.ส. มากถึง 11 คน บวกกับกระแสความมาแรงของพรรคก้าวไกล ทำให้ ส.ส. หน้าเก่าบ้านใหญ่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและวิธีการหาเสียงใหม่ เช่น เน้นลงพื้นที่มากขึ้น
“ปีนี้มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นมากกว่าสมัยที่แล้ว 30 ปีก่อนคู่แข่งน้อย แต่พอมาวันนี้เฉพาะในเมืองนราธิวาสมีคู่แข่ง 11 คน คะแนนสูสีอยู่ 5 คน ก็อยู่ที่การหาเสียง ผมก็เน้นลงพื้นที่
“ผมอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ ไม่ใช่ว่าผมได้เปรียบในฐานะบ้านใหญ่หรอก แต่เป็นเพราะผมลงพื้นที่เจอชาวบ้านมากน้อยขนาดไหน ผมกับพ่อจะทำงานคนละสาย พ่ออีกสาย ผมอีกสาย สุดท้ายก็มาบรรจบเป็นสายเดียวกัน”
วัชระกล่าวอีกว่า ตนเข้าสู่สนามการเมืองมา 16 ปี แต่ตลอดระยะเวลา 50 ปี ในสนามการเมืองท้องถิ่นของพ่อ กูเซ็ง ยาวอหะซัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังของพ่อ
“คุณพ่อเล่นการเมืองมา 50 ปี ท่านไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใคร และได้วางรากฐานให้กับผมและน้องชายมาจนถึงวันนี้” วัชระกล่าว
วัชระกล่าวด้วยว่า ตนเล่นการเมืองมา 15-16 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นทำหน้าที่ช่วยอยู่เบื้องหลังคุณพ่อมาตลอด ตนช่วยจัดการพื้นที่ ดูแลแกนนำหลักที่อยู่ในพื้นที่มาตลอด ทำให้มีพรรคพวกมากมาย โดยเฉพาะญาติพี่น้องที่โยงใยกันเป็นสามเหลี่ยมพีระมิด ทั้งที่อำเภอยี่งอ อำเภอระแงะ และอำเภอเมืองนราธิวาส ที่ถือเป็น 3 อำเภอใหญ่ของจังหวัดนราธิวาส
“ผมเป็น ส.ส. มา 2 สมัย ผมไม่เคยทิ้งพื้นที่ จะเห็นได้ว่าผมทำงานในสภาไม่เกิน 2 คืน ผมก็กลับบ้าน ผมเน้นเจอชาวบ้าน งานแต่งงาน งานศพ งานสุนัต เข้าวัดเข้าวา ไปร่วมหมดไม่เคยทิ้ง และจัดแข่งบอลในนามสโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ดอยู่ตลอด” วัชระกล่าว
วัชระกล่าวต่อไปว่า นราธิวาสเป็นจังหวัดที่มีมหาวิทยาลัยน้อย นักศึกษามีไม่มาก ที่นี่มีสถานศึกษาทางศาสนาที่เป็นปอเนาะเยอะ ทำให้ตนไม่รู้สึกหนักใจ แต่ก็ยอมรับว่าด้วยกระแสความมาแรงของพรรคก้าวไกลในโซเชียลนั้น ทำให้ตนต้องไม่ประมาท
“ผมตกใจไปหมดเลย การเมืองวันนี้ต่างกันสิ้นเชิงกับ 30 ปีที่แล้ว วันนี้ทั้งคนนอก คนในพื้นที่ต่างมาลงเล่นการเมือง ญาติก็ไม่มี ลงพื้นที่ก็ไม่รู้จักใคร งานแต่ง งานศพไม่เคยไป จะเดินอย่างไรถ้าไม่มีพรรคพวก มันลำบากนะครับ” วัชระกล่าว
วัชระกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันระหว่างคนจนกับคนรวยมีช่องว่างห่างกันเยอะมาก และในอนาคตลูกชาวบ้านคนธรรมดาจะมาเป็น ส.ส. คงไม่ได้แล้ว ต้องมีเงินเป็นถุงเป็นถัง ที่สำคัญคนจะมาเล่นการเมืองต้องมีความรู้ ความสามารถ และมีการศึกษาด้วย ซึ่งบริบทในพื้นที่ 3 จังหวัด มีผู้นำอยู่ 2 ส่วน คือผู้นำทางธรรมชาติ และผู้นำโดยตำแหน่ง และอนาคตผู้นำทางธรรมชาติจะหายากขึ้น
“การเมืองของผมเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เราจะหานักการเมืองที่ดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเลย เราจะหาผู้นำที่ดี มีความสามารถ ที่ประชาชนจะเข้าถึง มันมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งอาศัยความเป็นทีม พรรคพวก” วัชระกล่าว
วัชระกล่าวต่อไปว่า หากในครั้งนี้ชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. อีกครั้ง ตนมีความหวังจะพัฒนาจังหวัดนราธิวาส โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในจังหวัดนราธิวาส จากจำนวนนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยต่อปีนั้นได้มาเที่ยวนราธิวาสด้วย และดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง จากที่ปัจจุบันปลายทางสิ้นสุดอยู่ที่จังหวัดยะลา ดำเนินการให้มาถึงอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รวมถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของพี่น้องไทยพุทธและพี่น้องไทยมุสลิมในพื้นที่ให้กลับมาดั้งเดิม
โดยก่อนหน้านี้ที่ พล.อ. ประยุทธ์ช่วยลงพื้นที่หาเสียงที่นราธิวาสนั้น ได้ฝากตน 3 เรื่อง
- ระวังใบเหลือง ใบแดง ต้องระวังให้มาก
- สู้ให้เต็มที่ เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
- เราอย่าให้คนคิดไม่ดีมาปกครองประเทศ
“ลุงตู่บอกท่านรัก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะนราธิวาส ภรรยาท่านเกิดนราธิวาส ท่านต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าคิดแบ่งแยกดินแดน ทุกประเทศอยากได้นราธิวาส ไม่มีที่ไหนดีเท่าประเทศไทยแล้ว” วัชระกล่าวในที่สุด