พรรครวมไทยสร้างชาติก่อตั้งขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และกระแสข่าวการเป็นพรรคสำรองของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องจากลาพรรคพลังประชารัฐ แม้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะออกมาปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในที่สุดความคลุมเครือได้กลายเป็นความชัดเจน
THE STANDARD ชวนย้อนจุดกำเนิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคการเมืองแรกที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค แม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากว่า 8 ปีแล้ว และบทพิสูจน์ของพรรครวมไทยสร้างชาติในสนามเลือกตั้ง จะสามารถคว้าเก้าอี้ ส.ส. ได้กี่ที่นั่ง จะไปถึงเป้าหมายที่แกนนำพรรคคาดหวังไว้หรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดเบื้องหลัง ‘รวมไทยสร้างชาติ’ กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และข้อครหาพรรคอะไหล่สำรอง
- ประยุทธ์-รวมไทยสร้างชาติ เปิดใจ ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ์’ ส.ส.100 ที่นั่ง ไม่ไกลเกินเอื้อม
กำเนิด ‘รวมไทยสร้างชาติ’
คำว่า ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกราวกลางปี 2563 โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มักใช้ในแฮชแท็กท้ายโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตนเอง ก่อนจะปรากฏบนโพเดียมของ พล.อ. ประยุทธ์ ในการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ และเริ่มปรากฏในสื่ออื่นๆ หรือปรากฏอยู่ในชื่อกิจกรรมที่หน่วยงายของรัฐบาลจัด เช่น ‘ท้องถิ่นไทย รวมไทย สร้างชาติ’, ‘ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564’
รวมถึงเคยปรากฏอยู่ในคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปี 2564 ที่มาจากนายกฯ อีกด้วย ‘เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม’
ใครสร้าง ‘รวมไทยสร้างชาติ’
31 มีนาคม 2564 เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ได้ยื่นจดทะเบียนชื่อ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เป็นพรรคการเมือง ท่ามกลางกระแสข่าวเป็นพรรคสำรองของ พล.อ. ประยุทธ์
เวลาล่วงเลยมาปีเศษ วันที่ 3 สิงหาคม 2565 พรรครวมไทยสร้างชาติใช้สโมสรราชพฤกษ์ประชุมใหญ่ เพื่อเลือกผู้บริหารพรรคชุดใหม่ที่ไม่ได้แตกต่างจากการคาดการณ์มากนัก
ปรากฏชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) นั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วน เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ หรือ ขิง เป็นเลขาธิการพรรค และปรากฏคนการเมืองที่คุ้นเคยอย่าง วิทยา แก้วภราดัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง อดีตเลขาธิการพรรครวมพลังประชาชาติไทย, ชื่นชอบ คงอุดม ลูกชาย ชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน ที่ตามมาสังกัดภายหลัง
การประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565
พีระพันธุ์เปิดเผยเบื้องหลังของการใช้ชื่อรวมไทยสร้างชาติว่า “ผมได้ยินแล้วผมรู้สึกชอบ ผมประทับใจคำนี้” เขาจึงได้ชักชวน ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ว่ามาร่วมทำพรรคการเมืองกัน ทำในแบบที่เราคิดอยากให้มีให้เป็น โดยเชื่อว่าถ้าประชาชนให้โอกาสก็จะได้เห็นรูปแบบพรรคการเมืองแบบใหม่
พีระพันธุ์ระบุอีกว่า ตัวเขาเองได้สอบถามเสกสกลว่าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ไปจดทะเบียนไว้ ยังจะคิดทำอะไรหรือไม่ “ถ้าไม่คิดจะทำอะไร ผมขอเอามาใช้ได้ไหม” เสกสกลตอบกลับมาว่า เขายังไม่ได้คิดทำอะไร จึงขอชื่อมาใช้
แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดิมในพรรคใหม่
คำถามต่อมาที่พีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกสื่อมวลชนรุมถามมาโดยตลอดคือ แล้วใครจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ใช่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ หรือจะเป็นตัวของพีระพันธุ์เอง
คำถามเหล่านี้ไม่เคยมีความชัดเจนจากหัวหน้าพรรค มีเพียงแต่บอกว่าเป็นไปตามกระบวนการของพรรค เมื่อถึงเวลาก็จะทราบเอง
ความชัดเจนของการแยกทางของ 2 ป. ระหว่าง ป. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ป. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ชัดขึ้นนั้น จึงแทนค่าสมการได้เท่ากับผลลัพธ์ที่ยืนยันกระแสข่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน
ขณะที่ในการแถลงข่าวเปิดตัว มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ตอนหนึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามมิ่งขวัญว่า ที่ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ โดย พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า “พล.อ. ประยุทธ์ไปแล้ว ออกไปแล้ว”
20 ธันวาคม 2565 สัญญาณของความชัดเจนยิ่งชัดเข้าไปอีก เมื่อพีระพันธุ์สลับเก้าอี้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกับ ดิสทัต โหตระกิตย์ โดยให้ดิสทัตไปนั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแทนพีระพันธุ์ ส่วนพีระพันธุ์สลับนั่งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแทนดิสทัต
ไม่กี่วันถัดจากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ได้ออกมาให้ความชัดเจนด้วยตัวเองว่าจะไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และในที่สุดพรรคได้นัดหมายที่จะเปิดตัว พล.อ. ประยุทธ์ เป็นสมัครสมาชิกพรรคในวันที่ 9 มกราคม 2566
รวมไทยสร้างชาติจะได้เก้าอี้ ส.ส. เท่าไร?
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
พรรคพรวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส. กี่ที่นั่ง คำถามนี้ถูกโยนขึ้นกลางอากาศ ในมวลบรรยากาศทางการเมืองที่เวลานี้หลายพรรคต่างระดมกวาดต้อนอดีต ส.ส. เก่า และหน้าใหม่เข้าเสริมทัพ
พีระพันธุ์ระบุว่า เป็นคำถามที่มีหลายคำตอบ ขึ้นอยู่กับถามใคร บางคนบอกว่าได้เกิน 25 ที่นั่งก็ถือว่าเยอะแล้ว บางคนบอก 40 ที่นั่ง หรือ 70-80 ที่นั่ง แต่ในมุมของมองของพีระพันธุ์ เขาไม่สนใจพรรคอื่น
“คนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เหมือนกัน พรรคไหนเขาจะเป็นอย่างไร จะแข่งอะไรอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา ต่างคนต่างทำงานกันไป แต่ผมมั่นใจว่าแนวทางของผมนี่ ผมตั้งใจมาทำงานให้ประชาชน ถ้าประชาชนให้โอกาส จะเป็นพรรคการเมือง ซึ่งจะไม่เคยเลย พรรคไหนทำงานบ้าได้ขนาดนี้และช่วยคนขนาดนี้”
พีระพันธุ์ระบุด้วยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติตั้งเป้าส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขต หากต้องตอบคำถามความหวังที่นั่ง ส.ส. ก็ต้องบอกว่า ตามหลักของพรรคการเมืองทุกพรรค ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกที่นั่ง แต่ในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้ เราไม่สามารถตอบได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ
ส่วนเอกนัฏระบุว่า มั่นใจจะได้เก้าอี้ ส.ส. มากกว่า 25 ที่นั่ง เพื่อลบล้างคำสบประมาทที่บอกว่าจะได้ ส.ส. น้อยกว่า 25 ที่นั่งจนไม่สามารถเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้
“แต่เราดูจากผลสำรวจคะแนนนิยมของพรรค ดูจากตัวผู้นำคือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงเจตนารมณ์มาเรียบร้อยแล้ว ดูจากตัวผู้สมัคร จากทีมงาน จากเครือข่าย และในที่สุดทีม จะเป็นทีมเศรษฐกิจ ทีมนักวิชาการที่มาคิดค้นนโยบาย และจากการประกาศนโยบาย ผมคิดว่าตัวเลข 100 ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม แต่ก็คงจะต้องทำงานกันหนักหน่อยเท่านั้นเองครับ”