×

เกิดจากแพสชันล้วนๆ เมื่อ ‘เฮียฮ้อ’ หัวเรือใหญ่ RS กลายเป็นทาสสุนัข เตรียมเปิดแฟลกชิปสโตร์บริการสัตว์เลี้ยงครบวงจร เจาะกลุ่มคนรักสัตว์

17.05.2023
  • LOADING...
RS สัตว์เลี้ยง

เก่งมาจากไหนก็แพ้ลูกอ้อนสุนัขสี่ขา ไม่เว้นแม้แต่ ‘เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์’ หัวเรือใหญ่ อาร์เอส กรุ๊ป ที่ออกตัวว่าตัวเองเป็นทาสสุนัข กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกธุรกิจเวลเนสสัตว์เลี้ยง และกำลังจะเปิดตัวร้านแฟลกชิปสโตร์ให้บริการสัตว์เลี้ยงครบวงจรสาขาแรกในเดือนกรกฎาคมนี้

 

สำหรับแฟลกชิปสโตร์ดังกล่าวจะให้บริการด้านการดูแลสัตว์เลี้ยงครบวงจร ซึ่งอยู่ในช่วงคิดชื่อแบรนด์ เบื้องต้นปีนี้ต้องการเปิดให้ได้ประมาณ 6-7 สาขา ใช้งบลงทุนไม่เกิน 10-15 ล้านบาทต่อสาขา

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

จุดเริ่มต้นธุรกิจเวลเนสสัตว์เลี้ยง เกิดจาก ‘แพสชัน’ ล้วนๆ

“ต้องยอมรับว่าผมเป็นทาสสุนัข จากการเลี้ยงสุนัขทำให้เราติดตามอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงมานาน และมองว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตและอยู่ในเทรนด์ เห็นได้จากบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป ไทยเริ่มก้าวสู่สังคมสูงวัย หลายคนเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อน รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยนิยมมีลูกก็ต่างหันมาเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนเช่นเดียวกัน จึงทำให้เราสนใจธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างมาก” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท อาร์เอส เพ็ท ออล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้เข้าลงทุนในบริษัท ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ จำกัด ในสัดส่วน 51% และล่าสุดได้เปิดตัวโรงพยาบาลสัตว์กรุงเทพ ชัยพฤกษ์ ศูนย์สุขภาพสัตว์เลี้ยงครบวงจร และจากนี้ Hato จะมีการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมที่หลากหลาย ชูจุดขายราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อรองรับความต้องการกลุ่มคนรักสัตว์ โดยมีเป้าหมายเตรียม Spin-off เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 3 ปี

 

แม้ธุรกิจเพลงรายได้ไม่มาก แต่มาร์จิ้นดีมาก

อีกหนึ่งธุรกิจที่บริษัทจะหันมาโฟกัสมากขึ้น คือ RS Music ที่เริ่มเห็นความชัดเจนขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 1 และปัจจุบันบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเพลงใหม่ โดยรวมธุรกิจที่เกี่ยวกับเสียงเพลงทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน ได้แก่ 3 ค่ายเพลงหลัก, สถานีเพลง COOLfahrenheit, โชว์บิซ, การทำการตลาดออนไลน์และออนกราวด์ รวมถึง Artist Management ซึ่งทุกๆ ธุรกิจจะมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และแม้ว่าในครึ่งปีแรกธุรกิจเพลงจะยังทรงๆ อยู่จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่มองว่าครึ่งปีหลังจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

 

นอกจากนี้ยังได้เปิดรับออดิชันคนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเป็นศิลปินในสังกัด ภายใต้โปรเจกต์ RS Newcomers ตามด้วยโปรเจกต์ RS Homecoming ได้มีการเปิดตัวศิลปินเบอร์แรก บีม กวี ที่ได้รวมตัวกับแฝดอย่างพี่ธีร์-น้องพีร์ ผ่านแนวเพลงอิเล็กโทรป๊อป และหลังจากไตรมาส 3 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นผลงานของศิลปินใหม่

 

ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้ยังมีคอนเสิร์ตและมิวสิกเฟสติวัลที่จัดขึ้นโดย COOLive และคอนเสิร์ต Grammy RS อีก 3 คอนเสิร์ต 

 

รวมถึงการจับมือกับพาร์ตเนอร์จากต่างประเทศ คาดว่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นดีลขนาดใหญ่ที่จะสร้างมูลค่าให้ทั้งกลุ่ม และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการผลักดันธุรกิจเพลงให้มีศักยภาพและขยายธุรกิจให้เติบโตได้ทั้งในประเทศและระดับโลก 

 

ถึงกระนั้นการกลับมารุกธุรกิจเพลงอีกครั้งในรอบ 15 ปี ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีต เราต้องปรับตัวตลอดเวลา และแม้รายได้จะไม่มาก แต่มาร์จิ้นดีมาก และอนาคตการนำ RS Music เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีนี้จะช่วยให้เห็นทิศทางการเติบโตได้มากขึ้น

 

ธุรกิจสื่อสร้างรายได้เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรม 

หัวเรือใหญ่อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวต่อไปว่า ในช่วงต้นปีนับเป็น Low Season ของธุรกิจสื่อโฆษณา แต่รายได้กลุ่มธุรกิจสื่อของอาร์เอส กรุ๊ป กลับเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างบริหารการขายทุกสื่อโฆษณาให้มารวมศูนย์อยู่ภายใต้สายงานการตลาดและขายสื่อโฆษณา (Media Sales and Marketing) รวมไปถึงการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปสู่ OTT Platform ทั้งในและต่างประเทศ

 

ขณะที่ธุรกิจแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า RS Mall ได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า ทั้งเครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มอาหารเสริมอื่นๆ ที่ไม่ได้ทับซ้อนกับสินค้าที่พัฒนาภายใต้บริษัท RS LiveWell จึงทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น ส่วน RS Connect ที่ประกอบด้วย ULife กับ DeBeste ก็มีการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของรายได้ในระยะยาว

 

เช่นเดียวกับช่อง 8 หลังจากได้แต่งตั้ง พุทธ อภิวรรณ เข้ามารับหน้าที่พิธีกรข่าวในรายการลุยชนข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ ทำให้เรตติ้งเติบโตขึ้น 100-200% และสามารถเข้าถึงฐานผู้ชมกว่า 3.2 ล้านคน

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 813 ล้านบาท ทำกำไรได้ 92 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจสื่อ และรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่สูงขึ้น รวมไปถึงการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น CHASE บางส่วน 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 5 พันล้านบาท มีกำไรเติบโต 10-12%

มั่นใจกลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising