หลังทีมชาติโปรตุเกสผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2024/25 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยชัยชนะเหนือทีมชาติสเปน แฟนบอลทั่วโลกต่างจับจ้องไปยังชายวัย 40 ปี ที่ยังคงยืนหยัดในสนามด้วยพลังบางอย่างที่ไม่เคยจางหาย
คริสเตียโน โรนัลโด ไม่เพียงมีชื่อในเกมนัดชิงฯ แต่เขายังเป็นคนที่ยิงประตูตีเสมอ 2-2 ในช่วงท้ายเกม ก่อนทีมเอาชนะช่วงดวลจุดโทษ 5-3 พร้อมคว้าแชมป์ไปครอง และกลายเป็นหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์อีกครั้งของทีมชาติโปรตุเกส
ท่ามกลางเสียงเฮและการเฉลิมฉลองร่วมกับเพื่อนร่วมทีม สีหน้าและแววตาของโรนัลโดในค่ำคืนนี้ บอกได้มากกว่าแค่ความดีใจ แต่มันคือ ความสุขของคนที่ยังมีไฟ
ไฟที่ไม่เคยดับ…ไม่ใช่เพราะชัยชนะ แต่เพราะเขายังรักในเกมฟุตบอลเหมือนวันแรกที่สวมเสื้อทีมชาติโปรตุเกส
ณ วันนี้ เขาลงเล่นให้ทีมชาติไปแล้ว 219 นัด ยิงไป 138 ประตู และนี่คือ โทรฟี่ที่ 3 ในนามทีมชาติ ต่อจาก ยูโร 2016 และ เนชันส์ลีก 2019
ในวัย 40 ปี หลายคนอาจมองว่านี่คือช่วงปลายทางของเส้นทางลูกหนัง
แต่โรนัลโดกลับพิสูจน์ให้เห็นว่า “อายุ…เป็นเพียงตัวเลข” มันไม่เคยหยุดหัวใจของคนที่ยังมีความฝัน และยังทุ่มเททุกหยดเหงื่อเพื่อทีมชาติ
แม้หลายคนจะคาดว่าถ้วยนี้อาจเป็น ถ้วยสุดท้ายของ CR7 กับทีมชาติ
แต่แฟนบอลทั่วโลกต่างรู้ดีว่า เขายังมีอีกหนึ่งความฝันที่ไม่เคยสัมผัส…นั่นคือ ฟุตบอลโลก
และหากทุกอย่างเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก อาจเป็นเวทีสุดท้ายของโรนัลโดในฐานะนักเตะทีมชาติ
เวทีที่เขาจะได้ไล่ล่าความฝันใบสุดท้าย ในการไล่ล่าโทรฟี่ที่เขารอคอยมาตลอด เส้นทางลูกหนังกว่า 20 ปี