ผ่านครึ่งปีแรกมาแล้ว Subway แฟรนไชส์ร้านแซนด์วิชชื่อดังยังไม่มีทีท่าว่าจะขายกิจการมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ หลังจากบริษัท Roark Capital Group หนึ่งในผู้สนใจ ได้พิจารณาเงื่อนไข Earnout ใหม่ พร้อมเลื่อนการชำระเงินออกไป
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า บริษัทอาจต้องใช้เวลาในการพิจารณา ทั้งในแง่ของข้อตกลง ราคา และกระแสเงินสดของ Subway เนื่องจากสภาพตลาดในสหรัฐอเมริกาเริ่มอิ่มตัว แต่แบรนด์ก็ยังมีความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตระหว่างประเทศได้
ที่สำคัญข้อตกลงดังกล่าวช่วยลดช่องว่างในการประเมินมูลค่าระหว่างครอบครัว DeLuca และ Buck ที่เป็นเจ้าของ Subway และบริษัทเอกชนที่ต่างแย่งกันซื้อกิจการ แม้เจ้าของคาดหวังว่าจะได้รับเงินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แต่ด้วยความท้าทายของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ต้องชั่งน้ำหนักว่ามูลค่าที่ Subway ตั้งไว้กว่า 9,000-10,000 ล้านดอลลาร์ จะยังคงเป็นราคาที่สูงเกินไป
เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัทเอกชน เริ่มตั้งแต่ TDR Capital ตามด้วย Sycamore Partners และ Goldman Sachs Group ที่สนใจซื้อกิจการ Subway ก็ต่างได้แนบเงื่อนไข Earnout เช่นกัน พร้อมกับพยายามโน้มน้าวเจ้าของ Subway ให้พิจารณาเรื่องข้อตกลงกับบริษัท Roark Capital Group ใหม่
พร้อมบอกด้วยว่าถ้าขายกิจการให้กับ Roark Capital Group จะเผชิญกับความเสี่ยงในการต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นเจ้าของร้านอาหารหลายแบรนด์ รวมถึงเครือข่ายแซนด์วิช Jimmy John’s ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกันกับ Subway อาจจะทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างแบรนด์ได้
สำหรับโครงสร้าง Earnout นั้นเป็นกลไกการกำหนดราคาที่ใช้ในการควบรวมและซื้อกิจการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในอุตสาหกรรมการบริโภคและค้าปลีก
ด้านแหล่งข่าววงในรายหนึ่งระบุว่า Roark Capital Group ใกล้จะบรรลุข้อตกลงและซื้อ Subway ในราคาประมาณ 9.6 พันล้านดอลลาร์ได้สำเร็จแล้ว ถึงกระนั้นโฆษกของ Subway และ Roark Capital Group ยังไม่พร้อมที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม Subway แบรนด์ชื่อดังก็ยังเป็นที่สนใจ โดยเฉพาะกับผู้บริโภค ด้วยเมนูและกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ที่สามารถช่วยส่งเสริมยอดขายได้เป็นอย่างมาก โดยในครึ่งปีแรกของปี 2023 บริษัทมียอดขาย Same Store เพิ่มขึ้น 9.85% และปัจจุบันมีสาขามากกว่า 37,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศ
อ้างอิง: