×

ผลศึกษาเผย อุบัติเหตุทางถนนทำคนไทยอายุสั้นลง ใน 5 ปีทำสูญเสียทางเศรษฐกิจ 12 ล้านล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
14.12.2022
  • LOADING...
อุบัติเหตุทางถนน

วานนี้ (13 ธันวาคม) ที่เวที BIG Talk 2022 ในหัวข้อ ‘How to ช่วยชีวิตคนไทย จากอุบัติเหตุทางถนน’ โครงการแผนงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้านความปลอดภัยทางถนน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (International Health Policy Program: IHPP), สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยงานด้านความปลอดภัยทางถนน ซึ่งผลสรุปชี้ชัดว่าการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์จากอุบัติเหตุเป็นมหันตภัยร้ายแรงที่บั่นทอนศักยภาพการพัฒนาประเทศไทย

 

นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุและวิกฤตบำบัดของ WHO กล่าวว่า ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะไม่เพียงส่งผลให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ยังมีผลกระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียของกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงานที่เป็นอนาคตของประเทศชาติ โดยในปี 2656 ตั้งแต่เดือนเมษายน-ตุลาคม พบว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตบนถนนมากกว่าปี 2564 ทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 10% จึงคาดว่ายอดรวมผู้เสียชีวิตปีนี้จะมากถึง 18,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 16,000 รายในปีที่ผ่านมา

 

“ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเป็นช่วงไฮซีซันการท่องเที่ยว มีงานบุญและปีใหม่ ซึ่งจะมีการเดินทางมากขึ้น น่าเป็นห่วงว่าอุบัติเหตุในช่วงนี้จะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ที่น่าสังเกตคือไทยเราเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ติด 10 อันดับแรกของโลกที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงสุด นอกนั้นอยู่ในแถบแอฟริกาเกือบทั้งหมด กลุ่มนี้เป็นประเทศที่รายได้ต่ำ ระบบสาธารณูปโภคไม่ดี การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มข้น ซึ่งในไทยเราเองไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ทำไมคนไทยเรายังตายกันมาก” นพ.วิทยากล่าว

 

ด้าน ภญ.ฐิติพร สุแก้ว นักวิจัยของ IHPP กล่าวว่า จากแผนงานพัฒนาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย IHPP รายงานข้อค้นพบเชิงวิชาการเพื่อลดการเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วและได้ผล ระบุว่า หากประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงไปได้ 50% ให้เหลือ 12 รายต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 ได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่มอายุคาดเฉลี่ย (LE) 0.9 ปีในกลุ่มประชากรชาย และ 0.2 ปีในกลุ่มประชากรหญิง และเพิ่มอายุคาดเฉลี่ยที่มีสุขภาพดี (HALE) เท่ากับ 0.8 ปีในกลุ่มประชากรชาย และ 0.2 ปีในกลุ่มประชากรหญิง ตรงกันข้าม หากปัญหาอุบัติเหตุไม่ได้รับการแก้ไข จะกระทบต่อการสูญเสียระยะเวลาที่ประชากรไทยจะมีชีวิตอยู่และอยู่อย่างมีสุขภาพดี

 

ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยพบการสูญเสียของประชากรชายมีแนวโน้มสูงขึ้น ในขณะที่ผลกระทบที่เกิดจากประชากรหญิงมีแนวโน้มคงที่ ดังนี้ 

 

  1. ผลกระทบต่ออายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิด: ในปี 2562 ข้อมูลจากความสูญเสียในเพศชายแสดงถึงอายุคาดเฉลี่ยที่ลดลง เนื่องจากปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ไม่ได้รับการแก้ไข โดยลดลง 1.9 ปี เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ค่าเฉลี่ยลดลง 1.5 ปี สำหรับเพศหญิงในปี 2562 ลดลง 0.5 ปี เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ค่าเฉลี่ยลดลง 0.4 ปี

 

  1. ผลกระทบที่เกิดต่ออายุคาดเฉลี่ยที่มีสุขภาวะของประชากร: ในปี 2562 ข้อมูลจากความสูญเสียในเพศชาย พบค่าเฉลี่ยการมีสุขภาพดีจากที่ควรจะเป็นลดลง 1.6 ปี เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ค่าเฉลี่ย 1.3 ปี สำหรับเพศหญิงในปี 2562 และ 2557 อัตราคงที่ที่ 0.4 ปี

 

“กล่าวได้ว่าทุกความพยายามในการลดการตายจากอุบัติเหตุทางถนนไม่เพียงช่วยเพิ่มอายุขัยของประชากรไทย ขณะเดียวกันยังลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุข ที่แสดงความยืนยาวของชีวิตที่คาดหวังว่าคนเราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาพดีไม่ต่ำกว่า 75 ปี” ภญ.ฐิติพรกล่าว

 

ด้าน พญ.ศิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงตัวเลขคาดการณ์ความสูญเสียทางเศรษฐกิจปี 2566 กรณีเกิดผู้พิการรายใหม่จากอุบัติเหตุทางถนนว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อมูล 3 ฐานคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนรวม 96,230 ราย เฉลี่ยปีละ 19,246 ราย เป็นชายมากกว่าหญิงในสัดส่วน 3.7 ต่อ 1 ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 11.37 และ 20-24 ปี ร้อยละ 11.05 ในจำนวนนี้ร้อยละ 80 เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ขณะที่ภาพรวมความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 12 ล้านล้านบาท 

 

แบ่งตามระดับความรุนแรง ดังนี้ 

  1. เสียชีวิต 511,515 ล้านบาท 
  2. บาดเจ็บรุนแรง (IPD) 158,669 ล้านบาท 
  3. บาดเจ็บเล็กน้อย (OPD) 144,957 ล้านบาท 
  4. พิการ 306,156 ล้านบาท

 

ด้าน พล.ต.ท. เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เน้นย้ำการขับขี่ตามกฎจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุ รวมถึงแจ้งเตือนมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้นโยบายตัดแต้มใบขับขี่ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2566 อย่างเต็มรูปแบบ กล่าวว่า ที่ผ่านมาโทษเกี่ยวกับการผิดกฎหมายจราจรจะมีแต่โทษปรับและบำเพ็ญประโยชน์ ทุกคนจึงคิดว่าไม่รุนแรงและไม่เกรงกลัว เพราะแค่มีเงินจ่ายก็จบ แต่กฎหมายใหม่ภายใต้ระบบตัดคะแนน ไม่ว่ารวยหรือจนทุนคนมี 12 คะแนนต่อปีเท่ากัน คะแนนจะถูกตัดมากน้อยขึ้นแค่ไหนอยู่กับประเภทความผิดที่ผู้ขับขี่ละเมิด

 

พล.ต.ท. เอกรักษ์กล่าวต่อไปว่า มาตรการนี้จะทำให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตระหนักและหันมาเคารพกฎจราจรมากขึ้น และในที่สุดอุบัติเหตุก็จะลดลงตามไปด้วย เพราะหากถูกตัดแต้มจนหมดจะถูกพักใช้ใบขับขี่ หรือห้ามขับรถเป็นเวลา 90 วัน หากทำผิดซ้ำๆ อาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตทุกประเภท 

 

โดยระหว่างนั้นหากพบว่าฝ่าฝืนถูกจับได้จะมีโทษถึงขั้นจำคุก 3 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท ใครที่ต้องการขอคืนคะแนนต้องเข้าอบรมใหม่โดยกรมการขนส่งทางบก แต่กระบวนการเหล่านี้ผู้ขับขี่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองเพื่อให้ได้คะแนนคืนมา

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising