“พ่อก็เหมือนหนู” การเปิดเผยความลับของ เจมส์ แม็คคลีน เพื่อลูกสาวที่รัก

เพราะคิดมาดีแล้ว เจมส์ แม็คคลีน จึงตัดสินใจที่จะเปิดเผยความลับของตัวเองที่เขาก็เพิ่งได้รู้

อันที่จริงแม็คคลีนไม่ได้ถึงกับเป็นนักฟุตบอลในระดับสตาร์ดังของพรีเมียร์ลีกอะไร แต่หากใครติดตามชมเกมฟุตบอลอังกฤษมาบ้างก็อาจจะคุ้นเคยกับปีกทีมชาติไอร์แลนด์ที่ปัจจุบันเล่นให้กับวีแกน แอธเลติกในระดับแชมเปียนชิป

ด้วยบุคลิกและสีหน้าขึงขังประสาไอริชแมน นักเตะวัย 33 ปีดูไม่ใช่คนที่จะมาล้อเล่นอะไรด้วยได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนอ่อนโยนและรักครอบครัวอย่างยิ่ง

เจมส์แต่งงานกับเอรินเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และมีพยานรักด้วยกันทั้งหมด 4 คน ได้แก่ อัลลี เมย์, เจมส์ จูเนียร์, วิลโลว์-ไอวี และ มีอา โรส สาวน้อยคนใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงเดือนเศษๆ เท่านั้น

แต่หนึ่งในนั้นอย่าง วิลโลว์-ไอวี ไม่ได้เป็นเด็กปกติเหมือนคนอื่น เธอเป็นออทิสติกตั้งแต่เกิด ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ วิลโลว์-ไอวี เกิดขึ้นมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายนักสำหรับครอบครัวแม็คคลีน ซึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวที่เผชิญกับความท้าทายในการดูแลลูกที่เป็นออทิสติก

อย่างไรก็ดี เจมส์ไม่ได้คิดว่ามันเป็นอุปสรรคใดๆ สำหรับเขาในการจะดูแลลูกสาวคนนี้ให้ดีที่สุด

ในระหว่างที่เลี้ยงดู วิลโลว์-ไอวี ด้วยความรัก เฝ้าให้กำลังใจให้สาวน้อยก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ในการใช้ชีวิต เจมส์ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“ทำไมลูกเหมือนเราจังนะ”

เขาเก็บความสงสัยนี้เอาไว้กับตัว ก่อนที่จะตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จะเข้ารับการประเมินที่เรียกว่า Autism Spectrum Disorder (ASD) จนได้รับคำตอบและเก็บไว้ในใจ

ก่อนที่จะยอมเปิดเผยมันออกมาผ่านการโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (28 มีนาคม) – ในช่วงสัปดาห์การส่งเสริมการยอมรับผู้ป่วยออทิสซึมโลก (World Autism Acceptance Week) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 2 เมษายน

View this post on Instagram

A post shared by James McClean (@macajw)

อย่างที่ทุกคนรู้ ลูกสาวของผม วิลโลว์-ไอวี เป็นออทิสติก

4 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วย เมื่อพ่อของเธอต้องเฝ้าดูเธอพยายามจะเอาชนะอุปสรรคมากมายในชีวิต และเรียนรู้ถึงวิธีในการจัดการสิ่งต่างๆ ที่เผชิญในชีวิตประจำวัน

แต่ยิ่งเอรินและผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับออทิสซึมมากขึ้นเท่าไร เราก็เริ่มตระหนักได้ว่าผมมีส่วนคล้ายกับวิลโลว์มากเสียยิ่งกว่าที่เราคิด

ผมมองเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในตัวเธอที่ผมก็สังเกตเห็นในตัวเองเช่นเดียวกัน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการประเมิน ASD

มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน และตอนนี้ผมได้รับการวินิจฉัยที่ผมคิดว่ามันถึงแก่เวลาที่จะแบ่งปันเรื่องราวออกมาในสัปดาห์ที่มีความสำคัญนี้

ผมได้มีการพูดคุยกันมาสักพักเกี่ยวกับการเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ซึ่งผมทำสิ่งนี้เพื่อ วิลโลว์-ไอวี เพื่อจะบอกให้เธอได้รู้ว่าผมเข้าใจเธอ และการเป็นออทิสติกนั้นไม่สามารถและไม่ควรที่จะเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้จากการไปสู่เป้าหมายและความฝัน

แด๊ดดี้ของหนูเอง

ทั้งนี้ในการเข้ารับการประเมินของแม็คคลีนนั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องที่พ่อแม่ของลูกที่เป็นออทิสซึมสามารถเข้ารับการตรวจได้ด้วยเช่นกัน และมีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกตรวจพบว่าเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคออทิสซึมในวัยผู้ใหญ่

และในจำนวนนั้นก็มีคนที่เป็นนักกีฬาอาชีพอยู่ด้วยเช่นกัน

หนึ่งในนั้นคือ โจ บาร์กสเดล อดีตนักอเมริกันฟุตบอลที่เป็นออทิสซึมในผู้ใหญ่ของทีมลาสเวกัส เรดเดอร์ส ที่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองเมื่อปีกลาย

“มันเหมือนการที่ต้องเติบโตมาในบ้านที่ทุกคนไม่ได้พูดภาษาเดียวกับคุณ และไม่มีใครที่คิดเหมือนกับเราเลย จนรู้สึกเหมือนมาจากดาวดวงอื่น” บาร์กสเดลบอกเล่าเรื่องราวที่เจ็บปวดกับความรู้สึกที่ว่าคนในบ้านไม่มีใครต้องการเขาเลย

เพียงแต่ความเจ็บปวดตรงนี้กลับกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาอยากพิสูจน์ตัวเองว่าจะสามารถเติบโตมาเป็นนักอเมริกันฟุตบอลที่ดีได้ ซึ่งเขาก็ทำได้จริงๆ

แม้จะเป็นที่เชื่อกันว่าการเล่นกีฬาประเภททีมอย่างอเมริกันฟุตบอลหรือฟุตบอลที่ต้องมีการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม โค้ช ไปจนถึงการเผชิญกับเสียงดัง หรือแสงไฟสนาม แสงจากพลุ หมอกควัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวออทิสติกไม่ชอบและยากจะรับมือ แต่บาร์กสเดล หรือแม็คคลีนเองก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ถึงกับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถก้าวผ่านได้

แต่มันจะเป็นการดีมากยิ่งขึ้นหากเด็กคนไหนที่ได้รับการวินิจฉัยเร็ว ซึ่งปกติแล้วหากสังเกตพบอาการผิดปกติ เช่น ขาดการพัฒนาทักษะสังคม ทักษะทางภาษา ทักษะการสื่อสาร ไปจนถึงลักษณะพฤติกรรม กิจกรรม และความสนใจ เป็นแบบแผนซ้ำๆ ไม่ยืดหยุ่น ก็สามารถเข้ารับการประเมินได้ตั้งแต่อายุ 18 เดือน ก็จะยิ่งสามารถช่วยเหลือดูแลเด็กได้ดียิ่งขึ้น

ยิ่งรู้ไว ยิ่งดี

แต่ที่สำคัญกว่าคือความรัก ความเข้าใจ และความอดทนจากครอบครัวที่จะช่วยให้เด็กออทิสติกสามารถเอาชนะอุปสรรคนานาได้

เหมือนแม็คคลีนที่ตัดสินใจเขียนจดหมายบอกรักโดยไม่ต้องเขียนคำว่ารักถึงลูก และเป็นการชุบชูใจให้แก่ทุกคนที่ได้อ่านและรับรู้เรื่องราวของแม็คคลีนที่เปิดเผยความลับส่วนตัวออกมาให้โลกรู้ เพื่อจะเป็นการบอกกับ วิลโลว์-ไอวี ว่าเธอเป็นได้ทุกอย่างที่อยากเป็น

ไม่ว่าหนูจะอยากเป็นอะไร ทำอะไรได้แค่ไหน พ่อจะอยู่เคียงข้างหนูเสมอนะ 🙂

ป.ล. เป็นที่พูดกันว่าหนึ่งในนักกีฬาที่เป็นออทิสติกแถมเก่งที่สุดในโลกคือ ลิโอเนล เมสซี ด้วยบุคลิกความขี้อาย ไม่ชอบพูดกับเพื่อน ไปจนถึง ‘วิชัน’ ในการเล่นที่แตกต่างจากคนทั่วไป

อ้างอิง: