รัฐสภายูกันดามีมติผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม โดยกำหนดให้การแสดงตัวและเปิดเผยรสนิยมทางเพศว่าเป็น LGBTQIAN+ ถือเป็นความผิดทางอาญาในประเทศแห่งนี้
บรรดาผู้สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวชี้ว่า ร่างกฎหมายนี้จะจำกัดสิทธิและกำหนดบทลงโทษต่อกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่ม LGBTQIAN+ ซึ่งคุกคามค่านิยมดั้งเดิมในยูกันดาที่มีความอนุรักษนิยมและเคร่งครัดในหลักศาสนา
ก่อนหน้านี้ยูกันดาเคยบังคับใช้กฎหมายแบนการมีเพศสัมพันธ์ของ LGBTQIAN+ รวมถึงห้ามส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมหรือการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว หากฝ่าฝืนกฎระเบียบข้อบังคับจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิต โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ของ LGBTQIAN+ และเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือตรวจพบว่าผู้กระทำความผิดตามกฎหมายยูกันดานี้ตรวจพบเชื้อ HIV เป็นต้น
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อให้ประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนี ลงนามรับรองและประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมูเซเวนีถือเป็นผู้นำยูกันดาที่แสดงจุดยืนต่อต้านสิทธิความหลากหลายทางเพศของกลุ่ม LGBTQIAN+ มาโดยตลอด พร้อมมีคำสั่งปราบปรามผู้กระทำผิดในประเด็นนี้อย่างจริงจัง
โดยการเป็น LGBTQIAN+ ในหลายประเทศแถบทวีปแอฟริกาถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และถูกเลือกปฏิบัติอยู่บ่อยครั้งจากผู้คนในสังคมแอฟริกัน แต่ตลอดช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา มี 10 ประเทศในทวีปแอฟริกาที่ประกาศยกเลิกกฎหมายที่ไม่ชอบธรรมดังกล่าว โดยกินี-บิสเซาถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่ยกเลิกกฎหมายที่ระบุว่าการเป็น LGBTQIAN+ ถือเป็นอาชญากรรมเมื่อปี 1993 ตามมาด้วยแอฟริกาใต้ เคปเวิร์ด เลโซโท เซาตูเมและปรินซีปี โมซัมบิก เซเชลส์ บอตสวานา กาบอง และแองโกลา
ขณะที่แอฟริกาใต้ถือเป็นประเทศเดียวในทวีปแอฟริกาขณะนี้ที่ผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม รับรองการจดทะเบียนคู่ชีวิตและให้สิทธิคู่รัก LGBTQIAN+ ในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
แฟ้มภาพ: Sumy Sadruni / AFP
อ้างอิง: