น้ำเป็นสิ่งที่ต้องใช้โดยตรงกับร่างกาย หากมีการจัดการน้ำที่ไม่ถูกวิธี มีสารเคมีหรือการปนเปื้อน อาจทำให้เกิดอันตรายได้
โดยเฉพาะในที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม, หอพัก, อพาร์ตเมนต์ และอาคารสำนักงาน ซึ่งส่วนมากจะใช้น้ำประปาที่อาจมาจากการประปานครหลวง, การประปาส่วนภูมิภาค, ประปาของเทศบาล หรือประปาองค์การบริหารส่วนตำบล
แม้คุณภาพน้ำจากระบบผลิตส่วนใหญ่จะได้มาตรฐานทั้งด้านกายภาพ, เคมี, แบคทีเรีย และมีคลอรีนอิสระ (ประสิทธิภาพที่สามารถฆ่าแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในน้ำ) อยู่ 0.2-0.5 ppm แล้ว
แต่เมื่อนำน้ำมาใส่ถังเก็บน้ำหรือถังพักน้ำ คลอรีนอิสระในน้ำก็จะสลายหายไปจนไม่มีเหลือเลย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลถังเก็บน้ำหรือถังพักน้ำให้ถูกต้อง
THE STANDARD สรุปวิธีการดูแลถังเก็บน้ำหรือถังพักน้ำในที่พักอาศัย 5 ข้อ ดังนี้
ภาพประกอบ: แพรวา บำรุงภักดิ์
- สำรวจที่ตั้ง
- ขอบเขตชัดเจน มีหลังคาคลุม
- สะอาด ไม่รก
- ตั้งสูงจากพื้นประมาณ 15 เซนติเมตร
- มีแสงสว่างให้มองเห็นสิ่งผิดปกติในถัง
- ตัวถังน้ำ
- ทำจากวัสดุที่ปลอดภัย (เกรดบรรจุอาหาร) เช่น สเตนเลส, ไฟเบอร์กลาส หรือพลาสติก
- ไม่ชำรุด แตก หรือร้าว
- ถังน้ำบนดินมีช่องระบายน้ำทิ้งด้านล่าง
- ล้างถังทุก 6 เดือน (ขัดถูผนังด้านในด้วยแปรง ล้างด้วยน้ำสะอาด 2 ครั้ง ใช้คลอรีนฆ่าเชื้อโรคเข้มข้น 50 ppm แช่ถังไว้ประมาณ 30 นาที แล้วปล่อยทิ้งก่อนใส่น้ำประปา)
- เช็กปริมาณคลอรีนคงเหลือ
- มีคลอรีนอิสระคงเหลือไม่ต่ำกว่า 0.2 ppm
- ผู้ดูแลควรได้รับการอบรมความรู้ด้านการจัดการคุณภาพน้ำ เช่น วิธีเติมคลอรีน การล้างถัง และการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำด้วยเครื่องมือหรือชุดทดสอบ
- ป้องกันสัตว์นำโรค เช่น นกและหนู เข้าไปทำรัง
อ้างอิง:
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- ปรสิตในแหล่งน้ำจืด, น้ำกร่อย, น้ำทะเล และน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะได้รับเชื้อโดยบังเอิญ หากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจจะทำให้ปอดอักเสบ และการติดเชื้อทางบาดแผลจะทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง