มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ในรอบใหม่ออกมาค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่าจะมีการช่วยเหลือโดยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการที่โดนผลกระทบ เช่น การลดภาระค่าน้ำ-ไฟเป็นเวลา 2 เดือน เพิ่มสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งอีก 1 ล้านสิทธิ์
ที่สำคัญสุดคือการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยจ่ายเงินให้คนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งข้อนี้ทาง ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มเติม พร้อมนำกลับมาพิจารณาใน ครม. ใหม่ช่วงสัปดาห์หน้า
เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินเยียวยาหลักๆ ในรอบนี้กำหนดเบื้องต้นไว้ที่ 3,500 บาทต่อคน ซึ่งมีขนาดน้อยกว่าการเยียวยาในรอบแรก แต่โดยรวมก็ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะรอบที่แล้วรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ในวงกว้าง ส่วนรอบนี้ล็อกดาวน์เฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ความเสียหายทางเศรษฐกิจจึงไม่เท่ากับรอบก่อน แต่ทั้งนี้ยังต้องรอดูว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาในรอบนี้อย่างไร และมีผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาจำนวนเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ถ้าประเมินจากความสามารถของรัฐบาลแล้ว ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจได้มากกว่านี้ จึงเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะอยากรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะออกมาตรการเพื่อดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า
“ถ้าดูจากเงินที่ยังเหลือจาก พ.ร.ก. เงินกู้ วงเงิน 1 ล้านล้านบาทในรอบแรก ซึ่งยังเหลืออีกกว่า 4-5 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับงบกลางที่กันเอาไว้อีกมากกว่า 1 แสนล้านบาท เท่ากับว่ารัฐบาลยังมีเงินในการดูแลเศรษฐกิจได้ถึง 6 แสนล้านบาท การจ่ายเยียวยา 3,500 บาทต่อคน ถ้าสมมติให้จ่ายเท่ากับรอบที่แล้วคือ 15 ล้านคน เป็นเวลา 2 เดือนก็จะใช้เงินเพียงแค่ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น ยังมีวงเงินเหลืออยู่อีกพอสมควร จึงคิดว่ารัฐบาลคงรอดูสถานการณ์ หลังจากนั้นค่อยมาทำมาตรการกระตุ้นเพิ่ม”
สำหรับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในรอบนี้คงส่งผลต่อประมาณการทางเศรษฐกิจที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินไว้บ้าง แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้ประเมินผลกระทบเหล่านี้เผื่อไว้บ้างแล้ว และตัวเลขล่าสุดที่คาดการณ์ไว้ก็ให้ตัวเลขเติบโตเพียงแค่ 2.6% ดังนั้นหากจะมีการปรับตัวเลขคาดการณ์ใหม่ก็คงจะปรับลดลงไปจากนี้ไม่มากนัก
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาในรอบนี้ โดยรวมๆ ถือว่ายังไม่ได้มากนัก และส่วนใหญ่เป็นเพียงการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ได้รับผลกระทบ ที่สำคัญยังต้องรอดูว่าการจ่ายเงินเยียวยา 3,500 บาทต่อคนจะจ่ายให้กับใครบ้าง ซึ่งการจ่ายเงินที่ตรงจุดไปยังกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จะถือเป็นการใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าสุด และคงต้องดูว่ามาตรการล็อตต่อไปที่มีแผนจะออกในช่วงปลายเดือนนี้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นหรือไม่
“รอบนี้ไม่ได้เป็นการล็อกดาวน์ทั้งประเทศเหมือนครั้งก่อน การจ่ายเงินเยียวยาจึงไม่ควรหว่านหมดเหมือนรอบที่แล้ว เพราะมาตรการที่ดีควรต้องช่วยอย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย เท่าที่ดูผู้ได้รับผลกระทบหนักๆ ก็เป็นกลุ่มภาคบริการ การท่องเที่ยว ร้านอาหาร ผับ บาร์ ซึ่งพวกนี้จะหนักหน่อย”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
