เว็บไซต์ Business of Fashion ได้เปิดเผยรายงานล่าสุดของ Water Witness International องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการตรวจสอบคุณภาพและทรัพยากรน้ำจากสกอตแลนด์ ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2564 พบว่าอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นได้ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำในแอฟริกา
รายงานดังกล่าวระบุว่ามีตัวอย่างที่เก็บได้จากแม่น้ำ Msimbazi ซึ่งเป็นระบบชลประทานสำหรับชุมชนที่อยู่ใกล้กับโรงงานทอผ้าในเมืองดาร์-เอส -ซาลาม ของประเทศแทนซาเนีย พบค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) สูงถึง 12 ซึ่งเทียบเท่าน้ำยาฟอกขาว
นอกจากนี้ยังพบว่าลำน้ำหลายสายของประเทศเลโซโททางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาได้กลายเป็นสีฟ้าจากสีของสารฟอกผ้าเดนิม พร้อมกับพบว่าการจัดหาแหล่งน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภคให้แก่ลูกจ้างในโรงงาน ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 80% เป็นผู้หญิงมีคุณภาพต่ำว่ามาตรฐาน
Nick Hepworth ผู้อำนวยการของ Water Witness International กล่าวว่า “เราไม่ได้จะมาเพื่อหยุดการผลิตแฟชั่นในแอฟริกา แต่เราอยากเรียกร้องการจัดการทรัพยากรและสินค้าในแอฟริกาให้มีความยั่งยืน ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และความยุติธรรมขั้นฐาน”
ทวีปแอฟริกาถือว่าเป็นทวีปที่หลายแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นมาลงทุนสร้างฐานการผลิตเสื้อผ้ากระจายอยู่ในประเทศเอธิโอเปีย เลโซโท มาดากัสการ์ และมอริเชียส ไม่ว่าจะเป็น Zara, H&M, Mango และ Asos เนื่องจากมีค่าแรงที่ถูกที่สุดในโลก และอัตราภาษีที่ต่ำกว่าหลายภูมิภาค ทั้งเอเชียและอเมริกาใต้ โดยในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด มูลค่าการส่งออกสินค้าแฟชั่นจากทวีปแอฟริกามีมากถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาพ: Oli Scarff / AFP
อ้างอิง: