บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เผยแผนธุรกิจปี 2568 ท่ามกลางความท้าทายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเผชิญปัจจัยกดดัน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน มาตรการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
โดยบริษัทวางกลยุทธ์ Refined Focus มุ่งเน้นการต่อยอดจุดแข็งและยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัย พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
ผศ. ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ SENA เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ตลาดยังมีความไม่แน่นอน แต่บริษัทปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 มียอดพรีเซลสูงถึง 12,500 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 6,515 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด
สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ
โดยยังคงมุ่งเน้นกลุ่มตลาด Affordable Segment ที่บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 20% หรือมากกว่า 20,000 ยูนิต สะท้อนความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคิดเป็น 54% ของครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมตั้งเป้ายอดขายที่ 15,500 ล้านบาท และยอดโอน 10,000 ล้านบาท
จุดเด่นสำคัญของเสนาฯ ในปีนี้คือการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยล่าสุดเปิดตัว RentNex ซึ่งเป็น Subscription คอนโด โมเดลใหม่ของวงการอสังหา ซึ่งได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวทางนี้อย่างชัดเจน ต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการ LivNex รูปแบบเช่าออมบ้าน ที่มีลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 976 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท
ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้เป็นจริงได้ในยุคที่เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ที่ดำเนินมากว่า 9 ปี ได้พัฒนาโครงการรวม 66 โครงการ มูลค่ากว่า 83,000 ล้านบาท ยังคงเป็นจุดแข็งสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพทางการเงินและการพัฒนาโครงการของบริษัท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารงานและมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดผ่าน SENA Green Energy ครอบคลุมทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แบรนด์ ได้แก่ NETA, LEAP และ DEEPAL รวมถึงการให้บริการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ผ่าน SENA Solar Energy ที่มีประสบการณ์ติดตั้งมากกว่า 1,000 ครัวเรือน พร้อมทั้งโครงการ SENA Reforestation ที่ตั้งเป้าปลูกป่า 2,000 ไร่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนประมาณ 11,334 ตันต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจผ่าน SenX ศูนย์ข้อมูลที่ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการที่อยู่อาศัย เช่น ระบบ BMS, Carbon Monitoring และ Waste Management
โดยร่วมมือกับ Recycle Day ในการจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้บริการด้านที่พักอาศัยแบบไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Life Simplified ของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน
