วันนี้ (11 กรกฎาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ จำนวน 1,811 ราย ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อจากต่างประเทศ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,323,419 ราย (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,268 ราย รวมหายป่วยสะสม 2,323,425 ราย (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยกำลังรักษา 24,076 ราย โดยมีจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 786 ราย และเสียชีวิต 24 ราย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าสถานการณ์ยอดผู้ป่วยปอดอักเสบเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีผู้ป่วยอาการรุนแรงเพิ่มตามสัดส่วนไปด้วย จึงขอความร่วมมือให้กลุ่มเสี่ยง 608 เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งอาจยังมีความเชื่อที่ผิดว่าแม้ฉีดวัคซีนหลายเข็มแต่ยังติดเชื้อทำให้ไม่มารับวัคซีน แต่ต้องย้ำว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ ควบคู่กับการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันตัวเอง 2U คือ Universal Prevention และ Universal Vaccination ด้วย
ธนกรยังกล่าวด้วยว่า มีการรายงานว่าขณะนี้พบเกิดกระแสมีการโฆษณา แอบอ้างขายยารักษาอาการป่วยโรคโควิดในตลาดมืด หรือการจำหน่ายนอกระบบที่ผิดกฎหมาย เช่น โมลนูพิราเวียร์ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อซื้อยามารับประทานด้วยตัวเอง โดยไม่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งมีความน่ากังวลว่าการใช้ยาโดยไม่มีแพทย์สั่งอาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ ทั้งการใช้ยาที่มากเกินขนาด และอาจทำให้เกิดการดื้อยา หรือทำให้เกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ
“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงและฝากเตือนประชาชน อย่าซื้อยานอกระบบจากตลาดมืดหรือทางออนไลน์มารับประทานเอง เนื่องจากมีความเสี่ยง ไม่ปลอดภัย หากติดเชื้อโควิดขอให้เข้าสู่การรักษาตามระบบเพื่อความปลอดภัย เพราะการกินยาโดยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อาจทำให้เกิดอันตราย โดยแพทย์จะประเมินอาการผู้ป่วยเพื่อสั่งจ่ายยาตามแนวทางเวชปฏิบัติทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร ฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือแพ็กซ์โลวิด นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขไทยมีเวชภัณฑ์เพียงพอสำหรับดูแลประชาชน” ธนกรกล่าว