Legally Blonde
บริตนีย์ สเปียร์ส, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, เจสสิก้า ซิมป์สัน, ดอลลี พาร์ตัน, แอล แฟนนิง หรือ ลอเรน ฮัตตัน ชื่อเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหน้าหวาน ผมบลอนด์ ตาสีฟ้าจากสหรัฐอเมริกา ที่เราเชิดชูด้านรูปลักษณ์ภายนอก จนบางครั้งกลายเป็นเหมือนของเล่นวงการฮอลลีวูด ในความจริงพวกเธอได้ขับเคลื่อนวงการบันเทิงด้วยความสามารถ ความทะเยอทะยาน และการผลักดันตัวเองให้เห็นว่าผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้ แม้ว่าการต่อสู้ดังกล่าวในสังคมเราช่างยากเย็นเหลือเกิน
แต่ยังมีอีกหนึ่งชื่อที่เราขอเดาว่าหลายคนน่าจะหลงรักและโปรดปราน เธอคนนี้คือ รีส วิเธอร์สปูน (Reese Witherspoon) หรือสาวที่หลายคนรู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Legally Blonde หรือถ้าเด็กยุค 90s ก็อาจต้องแอบดูหนังเรื่อง Cruel Intentions ที่เธอแสดง ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปดูเบื้องหลังความสำเร็จและเรียนรู้ถึงจุดยืนของเธอ ณ วันนี้ในฐานะนักแสดง ผู้หญิง และมนุษย์คนหนึ่ง เราเชื่อว่าดีกรีความนับถือต่อเธอต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
รีส หรือชื่อเต็ม Laura Jean Reese Witherspoon เกิดวันที่ 22 มีนาคม 1976 ที่รัฐหลุยเซียนา ในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นหมอและคุณแม่เป็นพยาบาล โดยตั้งแต่ 5 ขวบ เด็กหญิงรีสก็เผยความความมุมานะอย่างเต็มเปี่ยม โดยอยากเป็นประธานาธิบดีผู้หญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา (เธอยังคงเป็นได้) ก่อนที่จะเริ่มหลงรักการแสดง หลังจากไปเรียนคลาสแอ็กติ้งตอน 7 ขวบ
แม้คุณพ่อกับคุณแม่อยากให้รีสโตขึ้นมาเป็นเภสัชกร แต่เธอก็มีความแน่ชัดว่าอยากเป็นนักแสดง และเธอได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรก The Man in the Moon ตอนอายุ เพียง 14 ปีที่เอาชนะการออดิชันแข่งกับเด็กนับร้อย
ในช่วงนั้นด้วยความที่รีสมีอุปนิสัยแบบคน Type A ที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นอกจากงานแสดง เธอได้แบ่งเวลาช่วงวันหยุดซัมเมอร์ที่โรงเรียนผู้หญิงล้วน Harpeth Hall School ในเมืองแนชวิลล์ ด้วยการเป็นเชียร์ลีดเดอร์สมาคมมวยปล้ำ และจบไฮสคูลมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ทำให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของโลก สาขาด้านวรรณกรรมอังกฤษ
พออายุ 19 รีสตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และย้ายไปลอสแอนเจลิสเพื่อเอาดีด้านการแสดงอย่างเต็มตัว เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในหนังกลุ่ม Cult ที่ไม่ได้สร้างรายได้ถล่มทลายหรือได้รับคำชมดีด้านวิจารณ์ แต่กลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกของยุค 90s อย่างเช่นเรื่อง Pleasantville ที่เล่นกับ โทบีย์ แมไกวร์ (Tobey Maguire) ภาพยนตร์เรื่อง Cruel Intentions โดยเล่นกับสามีคนแรกของเธอ ไรอัน ฟิลลิปเป (Ryan Phillippe) ที่มีลูกด้วยกัน 2 คน และภาพยนตร์แนวเสียดสีการเมืองเรื่อง Election ของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพนย์ (Alexander Payne) ที่รีสได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรก และทำให้ฮอลลีวูดเริ่มสนใจในศักยภาพของเธอ
Election
Walk The Line
มนุษย์ทุกคนต้องมีสูงมีต่ำ
ในปี 2001 รีสเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนในฐานะนักแสดงและกลายเป็นขวัญใจมหาชนกับภาพยนตร์เรื่อง Legally Blonde ในบทบาท แอล วูดส์ (Elle Woods) สาวผมบลอนด์ ตาสีฟ้า พร้อมนิสัยที่ถูกตีค่าว่า ‘พลาสติก’ แบบสาวแคลิฟอร์เนีย ที่ตัดสินใจไปเรียนด้านกฎหมายมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อหวังจะให้แฟนหนุ่มคืนดีกับเธอ บทบาท แอล วูดส์ กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ไอคอนิกที่สุดของวัฒนธรรมป๊อปก็ว่าได้ และกลายเป็นหนึ่งในตัวแทนสาวเฟมินิสต์ยุคใหม่
แต่ตัวชี้วัดความสำเร็จของดารานักแสดงฮอลลีวูดระดับแถวหน้าไม่ควรอยู่เพียงแค่เชิงพาณิชย์และตัวเลข Box Office อย่างเดียว ด้านรางวัลและการเป็นที่ยอมรับของเหล่านักวิจารณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยในปี 2005 กับภาพยนตร์เรื่อง Walk The Line รีสก็ได้ทำให้เห็นว่าเธอไม่ใช่นักแสดงไร้มิติ เพราะการแสดงบทบาท จูน คาร์เจอร์ (June Carter) ทำเธอกวาดรางวัลเกือบทุกสถาบัน รวมถึงชนะรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วย
แม้การชนะรางวัลออสการ์ของรีสเป็นจุดสูงสุดในฐานะนักแสดงด้วยวัยแค่ 29 ปี แต่รีสก็เหมือนโดนอาถรรพ์ผลักเธอตกจากยอดภูเขาของวงการฮอลลีวูดในปีถัดมา เพราะเธอได้หย่าร้างกับสามี ไรอัน ฟิลลิปเป และภาพยนตร์ที่เธอเลือกเล่นก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งรีสได้ออกมายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่แปรปรวนมากสำหรับจิตใจ และเธอก็เลือกแต่บทที่ไม่ได้มีแพสชันกับมันจริงๆ
นักแสดงจากซีรีส์ Big Little Lies ที่งาน Golden Globes ปี 2018
ร้าน Draper James
แต่คนเราถ้าจะล้มแล้วก็ต้องลุก ไม่ว่าจะอยู่อุตสาหกรรมอะไร
ในปี 2014 เราได้เห็นรีสกลับมาในฟอร์มของผู้หญิงที่แกร่งขึ้น และมาพร้อมความมุ่งมั่น เพราะหากว่าค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ไม่สนใจจะสร้างบทบาทที่หลากหลายให้ผู้หญิง และเลือกจมปลักอยู่แต่วิถีเดิมๆ เธอก็จะสร้างและผลิตภาพยนตร์ขึ้นมาเองเสียเลย ด้วยการร่วมกับอีกหนึ่งสาว บรูนา พาแพนเดรีย (Bruna Papandrea) เปิดบริษัท Pacific Standard
Pacific Standard ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้บริษัท Hello Sunshine เริ่มจากการผลิตหนังเรื่อง Gone Girl ของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ทำเงินกว่า 300 ล้านเหรียญทั่วโลก และหนังเรื่อง Wild ที่รีสแสดงเอง เกี่ยวกับผู้หญิงที่เดินเขา 1,100 ไมล์เพื่อค้นหาความหมายของชีวิตหลังจากเสียคุณแม่ไป Wild ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกรอบ พอมาในปี 2017 รีสก็ได้แสดงและผลิตซีรีส์ Big Little Lies ทางช่อง HBO ที่กวาดรางวัลไปมากมาย ตอกย้ำจุดยืนและคำสัญญาจะเป็นผู้หญิงที่ทำงานกับผู้หญิง เพื่อผู้หญิง และจะช่วยสร้างวันที่ดีขึ้นสำหรับผู้หญิง
ขณะนี้ทาง Hello Sunshine มีโปรเจกต์กว่าอีก 20 เรื่องที่ล้วนแล้วดำเนินเรื่องโดยตัวละครผู้หญิง เช่น หนังชีวประวัติตุ๊กตาบาร์บี้, หนังสยองขวัญ A White Lie ที่ได้นักแสดงสาว เซนดายา (Zendaya) มาร่วมผลิตด้วย ส่วนอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่กำลังเป็นที่จับตามองสุดๆ คือซีรีส์ทาง Apple ที่รีสจะผลิตและแสดงร่วมกับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน (Jennifer Aniston) เกี่ยวกับผู้หญิงที่ทำงานในวงการข่าวเช้า ซึ่งแฟนๆ ของซีรีส์ Friends จะรู้ดีว่าทั้งคู่เคยเล่นเป็นพี่น้องกันในซีรีส์ระดับตำนาน
รีสไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะเธอยังก่อตั้งแบรนด์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง Draper James ในปี 2015 ที่ได้ชื่อมาจากชื่อคุณย่า โดยสินค้าได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตทางตอนใต้ของอเมริกาที่รีสเติบโต Draper James ถือว่าเดินตามการทำแบรนด์ไลฟ์สไตล์เหมือน Goop ของ กวินเน็ธ พัลโทรว์ และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วกับการเปิดร้านแล้ว 4 สาขา แน่นอนว่ารีสไม่ลืมที่จะทำให้แบรนด์ให้มีความ Inclusive และฉลองเพื่อผู้หญิงทุกรูปแบบ เช่น คอลเล็กชันพิเศษเสื้อผ้า Plus Size ที่ทำกับแบรนด์ Eloquii
แน่นอนเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตอนวงการฮอลลีวูดสั่นสะเทือนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) ทางรีสเองก็ออกมาเล่าประสบการณ์ว่า ตอนอายุ 16 ปี เธอเคยโดนผู้กำกับลวนลาม และต่อมาเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มโปรเจกต์ Time’s Up ทั้งยังมอบเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อสมทบทุนการสร้าง Legal Defense Fund ในการช่วยเหลือว่าจ้างทนายสำหรับผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศในอเมริกา
ทำไมถึงเราหลงรักผู้หญิงที่ชื่อ ‘รีส วิเธอร์สปูน’
พูดได้ว่าถ้าใครได้ติดตามเธอในช่องทางโซเชียลมีเดีย รีสคือหนึ่งในนักแสดงระดับ A-List ที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่สวยแต่เปลือกนอก และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนจนกลายเป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเราอีกคน
ผู้หญิงคนนี้ทำให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ เลือกได้ที่จะมีคุณค่าและช่วยเหลือกันและกันเพื่อทำให้ชีวิตเราดียิ่งขึ้น แน่นอนวันนี้รีสมีเงินในบัญชีมหาศาล จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม 1,000 ใบ นอนอยู่บ้านชิคๆ เดินทางไปปารีส ดื่มแชมเปญเช้าเย็นกลับบนเจ็ตส่วนตัว ฯลฯ แต่เธอรู้ว่าเมื่อก้าวสู่จุดที่มีอำนาจและมีพลังพอจะปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมบันเทิงได้ไม่มากก็น้อย เธอก็ต้องกล้าคิด กล้าเสี่ยง และทำมันด้วยพลังบวกเพื่อมองไปข้างหน้า
ผู้หญิงที่กำลังอ่านบทความนี้และทำงานเป็นพนักงานบริษัท เป็นนางแบบ ศิลปิน แม่ครัว นักศึกษา แพทย์ ดีไซเนอร์ หรือเป็นแม่ลูกสาม อาจคิดว่ารีสเป็นแค่ดาราฮอลลีวูดคนหนึ่งและไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ในวันนี้ที่เธอเป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิงและใช้สื่อในมือเพื่อสะท้อนพลังของผู้หญิง รีสกำลังช่วยเปลี่ยนแปลงบริบทสังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศในโลกที่ 1, 2, 3 ให้คนเห็นว่าผู้หญิงก็มีค่า ไม่ควรเป็นของเล่นของใคร และพรุ่งนี้… ผู้หญิงต้องมีวันที่ดีกว่านี้
อ้างอิง:
- www.etonline.com/times-how-reese-witherspoon-spearheaded-movement-ahead-2018-golden-globes-93598
- www.buzzfeed.com/noradominick/facts-you-probably-didnt-know-about-reese-witherspoon?utm_term=.yx5KK9A8Da#.xfzGGXVBZE
- en.m.wikipedia.org/wiki/Reese_Witherspoon
- www.cbsnews.com/news/reese-witherspoon-ready-for-a-change