×

ความน่ากังขาของธงแดงใน ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ – ปัญหาที่มีเกิดขึ้นแล้ว ยังเกิดขึ้นอยู่ และ(อาจจะ)เกิดขึ้นต่อไป

03.04.2023
  • LOADING...

ไม่ว่าจะเป็นคำว่า ดราม่า โกลาหล หรือวุ่นวายก็ตาม แต่คำทั้งหมดล้วนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในศึกออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ได้เป็นอย่างดี หลังการแข่งขันที่อัลเบิร์ต พาร์ก มีการเรียกธงแดงถึง 3 ครั้ง และทั้งหมดส่งผลอย่างชัดเจนต่อผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสนามนี้

 

แม้กระทั่งผู้ชนะในสนามนี้อย่าง แม็กซ์ แวร์สเตปเพน นักขับชาวดัตช์จากทีม เรด บูลล์ เรซซิง ยังอดไม่พอใจกับคำตัดสินในการเรียกธงแดงของเรซ คอนโทรลไม่ได้ โดยเขาให้สัมภาษณ์ความรู้สึกหลังการแข่งขันสนามที่ 3 ของฤดูกาลนี้จบลง

 

“ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องการธงแดง ผมคิดว่าถ้าคุณมีรถเซฟตี้คาร์แล้วออกตัวตามปกติ เราคงไม่มีช็อตเหล่านี้ทั้งหมด และจากนั้นคุณก็จบแบบปกติ ดังนั้นที่สุดแล้วพวกเขา (ผู้ดูแลการแข่งขัน) จึงสร้างปัญหาขึ้นมาเอง”

 

 

การแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 เมษายน) นับเป็นการเรียกธงแดง 3 หนในเรซเดียวกัน ครั้งที่ 5 ในรอบ 36 ปี และเป็นอีกครั้งที่ทำให้ทั้งนักขับ ทีม รวมไปถึงแฟนๆ กังขาในการตัดสินใจของฝ่ายดูแลการแข่งขัน

 

โดยนับตั้งแต่การจากไปของ ชาร์ลี วิตติง ผู้อำนวยการที่มีประสบการณ์ยาวนานในปี 2019 ศึกฟอร์มูลาวันก็ล้มเหลวในการหาผู้อำนวยการที่น่าเชื่อถือและได้รับความเคารพจากทุกฝ่าย

 

ปัญหาดังกล่าวส่งผลอย่างชัดเจนในปี 2021 เมื่อ ไมเคิล มาซี อดีตผู้อำนวยการคนก่อน ต้องก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากเกิดข้อถกเถียงกันในการดูแลการแข่งขันรายการอาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ในปี 2021 ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ แม็กซ์ แวร์สเตปเพน เอาชนะ ลูอิส แฮมิลตัน และคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในปีนั้น

 

ข้อโต้เถียงในลักษณะคล้ายกันนี้ก็มาเกิดขึ้นอีกครั้งในการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ยังดีว่านี่เพิ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล และยังไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินแชมป์โลกแบบที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน ทว่าเหตุการณ์นี้ก็น่าจะเพิ่มแรงกดดันไม่น้อยต่อ นีลส์ วิตทิช ผู้อำนวยการการแข่งขันคนปัจจุบัน ซึ่งถูกกำหนดให้รับผิดชอบการแข่งขันทั้ง 23 รายการในฤดูกาลนี้หลังจากทำหน้าที่นี้เมื่อปีที่แล้ว

 

โดยเหตุการณ์ 3 ธงแดงที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ผ่านมา เริ่มต้นมาจากธงแดงแรก เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักขับชาวไทย จากทีมวิลเลียมส์ เสียการควบคุมรถ ทำให้ไปกระแทกกับสิ่งกีดขวางในโค้งที่ 7 ผลจากการกระแทกทำให้รถของเขากลับเข้ามาในแทร็กบางส่วน และมีเศษกรวดกระจายเข้ามาในสนามแข่งด้วย

 

 

ในกรณีแรกนี้มีความเห็นที่แตกต่างว่าควรจะให้ธงแดงหรือไม่ โดยบางฝ่ายยกตัวอย่างคือ เดวิด ครอฟต์ ผู้บรรยายฟอร์มูลาวันทาง Sky Sports เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะการขับรถด้วยความเร็วกว่า 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การเจอเศษหินเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อการขับขี่ได้

 

แต่ความเห็นดังกล่าวถูกแย้งโดย เจนสัน บัตตัน อดีตนักขับฟอร์มูลาวันที่บรรยายร่วมกัน โดยแชมป์โลกปี 2009 แย้งว่ าเมื่อมีรถเซฟตี้คาร์ออกมาแล้ว และทุกคันต้องขับตามรถเซฟตี้คาร์ ก็ทำให้รถแต่ละคันทำความเร็วขนาดนั้นไม่ได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกธงแดงเลย

 

หนึ่งในคนที่ค้านคำสั่งธงแดงครั้งแรกนี้อย่างหัวชนฝาคือ จอร์จ รัสเซลล์ นักขับสหราชอาณาจักร จากทีมเมอร์เซเดสที่กำลังเข้าพิตต์เพื่อเปลี่ยนยาง โดยเขาออกสตาร์ทด้วยยางมีเดียม และกำลังจะเปลี่ยนเป็นยางฮาร์ด ที่จะช่วยให้เขาสามารถแข่งขันได้จนจบเรซ และมีโอกาสได้อันดับขึ้นมา

 

แต่การเรียกธงแดงทำให้โอกาสของเขา (และ คาร์ลอส ไซน์ซ ที่กำลังทำแบบเดียวกัน) หมดไป เนื่องจากผู้นำอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน เพื่อนร่วมทีม และ แม็กซ์ แวร์สเตปเพน  จากเรด บูลล์ ก็จะได้เข้ามารอในพิตต์เช่นกัน และได้โอกาสเปลี่ยนยางเพื่อทำแบบเดียวกันกับเขา

 

รัสเซลล์กล่าวหลังจบเรซว่า “ผมค่อนข้างผิดหวังในตอนแรกที่ตัดสินใจยกธงแดงการแข่งขัน – ไม่มีคำพูดใดๆ สำหรับเรื่องนั้น ผมคิดว่าเราตัดสินใจถูกแล้วที่มีรถเซฟตี้คาร์ ผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นลูอิสและแม็กซ์อยู่ข้างนอก และผมก็ค่อนข้างพอใจเมื่อเห็นสิ่งนั้นเพราะสถานการณ์อยู่ในมือของเรา แต่เห็นได้ชัดว่าธงแดงทำลายสิ่งต่างๆ”

 

ธงแดงครั้งที่ 2 เกิดขึ้นหลังจากที่ เควิน แม็กนุสเซน นักขับจากทีมฮาส ไปสอยกำแพงจนล้อปลิวออกมาในโค้งที่ 2 ขณะที่กำลังจากเข้าสู่รอบที่ 54 ในตอนแรกรถเซฟตี้คาร์ถูกส่งออกไป และยังไม่มีความชัดเจนว่าการแข่งขันจะสามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ แต่หลังจากนั้นธงแดงก็ตามมา

 

 

คนที่เสียประโยชน์ชัดเจนคือ แม็กซ์ แวร์สเตปเพน เพราะหากมีแค่เซฟตี้คาร์ เขาจะควบคุมสถานการณ์ง่ายกว่าหากมีการเริ่มแข่งใหม่แบบโรลลิงสตาร์ท แต่เมื่อธงแดงถูกเรียกลงมา ทำให้เขาต้องไปสตาร์ทที่กริดอีกครั้ง และถึงแม้ว่านักขับชาวดัตช์จะคว้าแชมป์ในบั้นปลาย แต่เขาก็ไม่พอใจกับธงแดงดังกล่าวอยู่ดี

 

ขณะที่ฝั่ง เดวิด ครอฟต์ ผู้บรรยายจาก Sky Sports ซึ่งเห็นด้วยกับธงแดงครั้งแรก ก็ยังไม่เห็นด้วยกับธงแดงในคราวนี้ รวมไปถึง แลนโด นอร์ริส นักขับจากแมคลาเรน ที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จากธงแดงในหนนี้ ก็ยังไม่เห็นความจำเป็นในการเรียกธงแดงเลย

 

นักขับจากสหราชอาณาจักร วัย 23 ปี กล่าวว่า “ผมเกลียดมัน ผมไม่ชอบการรีสตาร์ท ผมเดาว่าบางทีถ้ามีธงแดงในช่วงแรกๆ ของการแข่งขันผมพอจะเข้าใจ แต่ครึ่งหลัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหลืออีก 4 รอบ ผมรู้สึกเหมือนคุณทำลายหลายสิ่งหลายอย่าง และผมไม่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้คนมากมายที่กำลังทำผลงานได้ดีและถูกแย่งไป”

 

ธงแดงครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นหลังจากออกสตาร์ทหลังเคลียร์สนามจากธงแดงครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน โดยหลังออกสตาร์ทที่กริด ทุกคนก็หาทางเบียดขึ้นไปในตำแหน่งที่ดีกว่า จน คาร์ลอส ไซน์ซ ไปเกี่ยว เฟร์นานโด อลอนโซ จากทีมแอสตัน มาร์ดิน หลุดออกนอกแทร็ก ไม่นานหลังจากนั้น ปิแอร์ แกสลี ของทีมอัลพีน วิ่งออกนอกลู่พร้อมกับ เซร์คิโอ เปเรซ จากทีมเรด บูลล์ แถมห่างออกไป ออกไป โลแกน ซาร์เจนต์ ของวิลเลียมส์ ก็ไปชน นิค เดอ ฟรีส์ จากอัลฟา ทอรี ทำให้ทั้งคู่ต้องออกจากการแข่งขัน

 

 

ธงแดงครั้งนี้ส่งผลเสียโดยตรงต่อ นิโก ฮูล์เคนแบร์ก จากทีมฮาส ที่เขาอยู่อันดับที่ 4 ก่อนมีการเรียกธงแดงทำให้เขาต้องกลับไปอยู่ในอันดับ 7 อีกครั้ง หลังจากที่มีการรีเซ็ตกริดสตาร์ท เพราะรถของอลอนโซกับไซน์ซยังสามารถแข่งขันได้ แม้ว่าไซน์ซจะโดนปรับ 5 วินาที จนต้องไปจบอันดับที่ 12 ในเรซนี้ก็ตาม

 

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ใช้เวลาตัดสินใจเกี่ยวกับผลที่ตามมาหลังเรียกธงแดงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเหลือการแข่งขันเพียงรอบเดียว จึงไม่มีโอกาสที่จะแข่งได้อีก ก่อนมีการกำหนดกริดสตาร์ทใหม่อีกครั้ง โดยให้ 3 อันดับแรกเป็น แวร์สเตปเพน, แฮมิลตัน และ อลอนโซ ซึ่งเป็นเหมือนการกำหนดผู้ชนะเรซนี้ไปในตัว

 

แม้ ‘น้าโซ่’ จะได้ประโยชน์จากธงแดงครั้งนี้ไปเต็มๆ จากการได้กลับมารั้งอันดับที่ 3 และได้ขึ้นโพเดียมทั้ง 3 เรซในฤดูกาลนี้ แต่เขาเองก็ไม่พอใจกับธงแดงในหนสุดท้ายนี้เช่นกัน

 

“กฎงี่เง่า” อลอนโซกล่าวหลังจบการแข่งขัน “คุณจะปักธงแดงไว้ก่อนได้อย่างไร? ผมประหลาดใจกับธงสีแดงทั้งหมดนั่น พูดตามตรง…ผมคิดว่า FIA มีข้อมูลมากกว่าเรา ดังนั้นหากมีธงสีแดงก็จะต้องมีเหตุผล (และ) เราจะถามว่า ‘อะไรคือเหตุผลในครั้งที่สอง?’”

 

 

จากธงแดงทั้งหมดในสนามนี้ บรรดานักขับล้วนแต่มีคำถามกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้น

 

แต่อย่าลืมว่าธงแดงทั้งหมดโดยเฉพาะครั้งสุดท้ายเป็นผลสะท้อนจากความปรารถนาที่ตกลงร่วมกัน โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของฟอร์มูลาวัน ว่าจะเป็นการดีกว่าที่การแข่งขันจะไม่จบลงด้วยรถเซฟตี้คาร์ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งของ อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ในปี 2021 เมื่อผู้อำนวยการการแข่งขันในขณะนั้นล้มเหลวในการดำเนินการตามกฎอย่างถูกต้อง และจัดการรถนิรภัยที่ล่าช้า

 

ผลที่เกิดขึ้นนำไปสู่การเปลี่ยนมือของแชมป์โลกโดยตรง หลัง ลูอิส แฮมิลตัน ซึ่งครองตำแหน่งแชมป์โลกมาจนถึงตอนนั้น และพร้อมที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 ถูก แม็กซ์ แวร์สเตปเพน แซงในรอบสุดท้ายหลังเซฟตี้คาร์ และกลายเป็นแชมป์โลกคนใหม่ในการแข่งเพียงรอบเดียวที่เหลืออยู่

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามีการเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอาบูดาบีว่า ปัญหาที่ตามมาและข้อถกเถียงทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นหากมีการใช้ธงแดงแทนที่เซฟตี้คาร์

 

แต่การแก้ปัญหาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยวิธีดังกล่าว ก็กลายเป็นเรื่องน่าขบขันเช่นกัน เมื่อพวกเขาเลือกจะใช้ธงแดงทั้งที่ไม่มีรอบเพียงพอในการรีสตาร์ทครั้งสุดท้าย

 

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ FIA และฟอร์มูลาวันต้องเก็บไปหาทางแก้ไขเผื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นอีกในอนาคต เพราะนอกจากบรรดานักขับล้วนแต่ไม่พอใจที่ธงแดงมาง่ายเกินไปแล้ว บรรดาคนดูบางส่วนก็ออกอาการเซ็งกับธงแดงที่พร่ำเพรื่อจนทำให้การแข่งขันจบช้ากว่าที่ควรจะเป็นนับชั่วโมงเช่นกัน

 

ระหว่างรอการแก้ไขและตัดสินใจจากฝ่ายจัดการแข่งขัน ช่วงนี้คนดูอย่างเราๆ ท่านๆ ก็อาจจะต้องเห็นธงแดงกันบ่อยสักหน่อยไปก่อน…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising