Bridgewater Associates LP บริษัทจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อตั้งโดย ‘เรย์ ดาลิโอ’ แนะนักลงทุนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ควรลงทุนในบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ใช่หลีกเลี่ยงเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงและเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero)
ในรายงานใหม่ที่ชื่อว่า ‘Pursuing Net Zero Goals in Public Equities’ Bridgewater ซึ่งดูแลสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ เริ่มต้นจากจุดยืนที่ว่าบริษัทมหาชนใน 11 อุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างหนัก มีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกประมาณ 60% ดังนั้น Bridgewater จึงให้เหตุผลว่า นักลงทุนควรจัดสรรเงินทุนให้กับภาคส่วนเหล่านี้ ไม่ใช่หลีกเลี่ยง (ภายใต้สมมติฐานที่ว่า พื้นฐานทางการเงินของบริษัทเหล่านั้นอยู่ในเกณฑ์ดี)
Carsten Stendevad ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของ Bridgewater ย้ำว่า นักลงทุนที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ไม่สามารถหนีจากความท้าทายในการลดคาร์บอนได้ แต่พวกเขาควรวิ่งเข้าหามัน
Stendevad ยังแบ่งกลุ่มบริษัทออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์และบริการการ ‘Carbon Solution’ ซึ่งมีส่วนช่วยให้โลกสะอาดขึ้น และบริษัทกลุ่ม ‘Carbon Improvers’ หรือธุรกิจที่มีเส้นทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ
สำหรับ Carbon Solution เช่น ระบบสาธารณูปโภค ซึ่งสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ทางรถไฟซึ่งเป็นทางเลือกที่ประหยัดพลังงานกว่าสำหรับการเคลื่อนย้ายสินค้าเมื่อเทียบกับเครื่องบินและรถบรรทุก และบริษัทก่อสร้างซึ่งผลิตวัสดุฉนวนเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากความร้อนและความเย็น
ส่วน Carbon Improvers ตามจากข้อมูลของ Bridgewater ระบุว่า สามารถเป็นผู้ผลิตอะลูมิเนียมที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานน้ำแทนถ่านหิน หรือผู้ผลิตรถยนต์ที่เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
Bridgewater ซึ่งก่อตั้งโดยนักลงทุนมหาเศรษฐี เรย์ ดาลิโอ ประมาณการว่า ไฟฟ้าและการทำความร้อนคือผู้ผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดทั่วโลก ตามมาด้วยการขนส่งและกิจกรรมทางอุตสาหกรรม โดยบริษัทบางแห่งในกลุ่มเหล่านี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาคาร์บอนแล้ว ตามข้อมูลของ Bridgewater
Stendevad กล่าวอีกว่า จักรวาลการลงทุนสำหรับ Carbon Solution จากธุรกิจที่ปล่อยมลพิษมากนั้นมีมูลค่าถึงราว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การดักจับคาร์บอนปรับปรุงมากขึ้น
ส่วน Carbon Improvers กุญแจสำคัญคือการประเมินความตั้งใจของแผนการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ความเป็นไปได้ของแผนการที่ประกาศการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุนแผนเหล่านั้น และความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคใหญ่คือ ‘มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม’ สำหรับบริษัทต่างๆ ยังคงพัฒนาอยู่ ทำให้บริษัทๆ ยังมีช่องว่างให้อวดความสำเร็จเกินจริง ดังนั้น ในท้ายที่สุด ความรับผิดชอบจึงตกอยู่ที่นักลงทุน ซึ่งต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่ถูกฟอกเขียว (Greenwashed)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อ ‘เป้าหมายสีเขียว’ และ ‘เป้ายอดขาย’ ไม่สอดคล้องกัน เปิดช่องโหว่นโยบาย สิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมแฟชั่น
- ธปท. เตรียมออก Standard Practice ด้านสิ่งแวดล้อมในไตรมาส 3 พร้อมกำหนดให้แบงก์ส่งแผนและเป้าสีเขียวที่จับต้องได้ต้นปีหน้า
- Brand & Marketing Trend 2022: เปิดเทรนด์ยุคใหม่ของโลกหลังโควิด แบรนด์ถึงเวลาต้องเปลี่ยนครั้งใหญ่
อ้างอิง:
