วันที่ Sky Li ตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ realme ในปี 2018 เป็นช่วงเดียวกับที่ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีแบรนด์ไหนกล้าลงแข่งในเกมนี้ แต่ Sky Li ไม่คิดเช่นนั้น
‘สมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่’ คือเค้กก้อนที่ Sky Li และทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยประสบการ์ณในวงการสมาร์ทโฟนเล็งไว้ แม้จะเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีน แต่ realme เลือกอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นสนามแรกในการเปิดตัว
หลังเปิดตัวได้เพียง 2 ปี realme ขยายตลาดไป 61 แห่งทั่วโลก ครอบคลุม 5 ทวีป เอเชีย ยุโรป โอเชียเนีย ตะวันออกกลางและแอฟริกาตะวันออก เพิ่มขึ้นประมาณ 250% มีหน้าร้านมากกว่า 68,000 แห่งทั่วโลก และฐานแฟนคลับมากกว่า 100 ล้านคน และจนถึงวันนี้ก็มาพร้อมสถิติใหม่ ยอดขายสมาร์ทโฟน 100 ล้านเครื่อง ในเวลาเพียง 3 ปี
Dare to Leap กล้าที่จะก้าวกระโดดสวนกระแส
การเติบโตขนาดนี้จะไม่เรียกว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างไร ไม่ได้กระโดดธรรมดา แต่เล่นกระโดดแบบสวนกระแส สมกับสโลแกนของแบรนด์ Dare to Leap ‘กล้าที่จะก้าวกระโดดให้ไกลขึ้น และไปให้ไกลกว่าที่เคยยืน’ ในช่วงที่ธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลให้ยอดการส่งออกสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลง แต่ realme กลับเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนแบรนด์เดียวในโลกที่เติบโตต่อเนื่อง ไตรมาสแรกของปี 2020 realme ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 157% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ realme ยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีอยู่ที่ 149% ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย International Data Corporation (IDC)
ตอกย้ำจุดแข็งและจุดขายของแบรนด์ที่โตเร็วบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้เด่นชัดยิ่งขึ้น หัวใจสำคัญที่แบรนด์ขยายไปสู่ระดับสากลได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางหลักมากกว่าการสร้างร้านค้าขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนของผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท
การดำเนินธุรกิจโดยคนรุ่นใหม่ เพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อมั่นแรงกล้า และความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันอย่างดี กลายมาเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างความเป็นผู้นำให้กับพนักงาน ช่วยให้พนักงานกล้าเสี่ยงและกล้าตัดสินใจด้วยตนเอง ศักยภาพของพนักงานจึงถูกพัฒนาตลอดเวลา เหมือนกับการพัฒนาสมาร์ทโฟนให้มีคุณภาพและล้ำสมัย ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยี AIoT ที่มีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพในราคาที่คุ้มค่า จนได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในที่สุด
ก้าวสู่การเป็นผู้นำ ‘สมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ตั้งเป้ายอดขาย 300 เครื่อง ภายใน 3 ปี
ก้าวต่อไปของ realme ในอีก 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าทุบสถิติใหม่ทำยอดขาย 300 ล้านเครื่อง ภายในปี 2023 แน่นอนว่าการพิชิตเป้าหมายดังกล่าวต้องปูทางด้วยกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม นำไปสู่ 2 กลยุทธ์ ได้แก่
กระโดดให้แรงกว่าที่เคยด้วยสมาร์ทโฟนเรือธง ‘GT Series’
realme วางกลยุทธ์แรกเดินเกมไปที่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธง ‘GT Series’ เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในศึกครั้งนี้ realme ยังบอกอีกว่า GT Series เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังนำกลยุทธ์ ‘All in 5G’ มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของ realme ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในราคาเข้าถึงได้
เรากำลังพูดถึงสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดในซีรีส์ GT ที่เพิ่งเปิดตัวไป realme GT Master Edition พร้อมสโลแกน ‘เหนือระดับแห่งความเร็ว’ เพราะความแรงของชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G 5G ขนาด 6nm อยู่ในระดับท็อปของสมาร์ทโฟนในตอนนี้, หน้าจอ AMOLED Full Screen ลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรชเรต 120 Hz และ Touch Sampling Rate 360 Hz พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperDart Charge ชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh เต็ม 100% ใน 33 นาที ส่วนกล้องให้กล้องหลัง 3 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก 64MP, เลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP และเลนส์มาโคร 2MP ถ่ายใกล้สุด 4 เซนติเมตร ในขณะที่กล้องหน้าถูกใจสายเซลฟี่แน่ๆ ความละเอียด 32MP พร้อม AI Beauty สวยทุกช็อต
realme GT Master Edition มีให้เลือก 2 สี คือ Daybreak Blue และ Voyager Grey ที่ได้ Naoto Fukasawa ดีไซเนอร์ชื่อดัง ผู้ก่อตั้ง Naoto Fukasawa Design มาร่วมออกแบบตัวเครื่อง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าเดินทาง ผลิตจากหนังวีแกนซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สัมผัสนุ่มเหมือนผิวเด็ก ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมที่เลือกใช้วัสดุนี้ ไม่เพียงแต่ให้ภาพลักษณ์ที่หรูหรา แต่ยังตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งการป้องกันรอยนิ้วมือ ป้องกันกลิ่นติดตัวเครื่อง และรองรับแรงกระแทกป้องกันการแตกร้าวของตัวเครื่อง
เจาะไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ผ่านกลยุทธ์ ‘1+5+T’
กลยุทธ์ต่อไป realme ไม่หยุดแค่การพัฒนาสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ให้เติบโตควบคู่ไปด้วยผ่านกลยุทธ์ ‘1+5+T’ โดย ‘1’ หมายถึง สมาร์ทโฟน ถือเป็นศูนย์กลางหลักของระบบ AIoT ทั้งหมด สามารถเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชัน realme Link
‘5’ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ AIoT ทั้ง 5 ของ realme ได้แก่ True Wireless Stereo (TWS), อุปกรณ์สวมใส่, ทีวี, ลำโพงอัจฉริยะ และแล็ปท็อป ส่วน ‘T’ คือ TechLife บอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างผลิตภัณฑ์ AIoT ของ realme ใน 3 หมวดหมู่ ได้แก่ Smart Entertainment (เช่น กล่องทีวี โปรเจกเตอร์ ลำโพง และอุปกรณ์เกม), Smart Care (เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องชั่งน้ำหนักไขมันในร่างกาย) และ Smart Connect (เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ และกล้อง) ซึ่งในอนาคตสินค้าทั้งหมดจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน realme Link เพื่อมอบประสบการณ์ AIoT ที่สมบูรณ์ให้กับผู้ใช้งาน
ล่าสุด realme เปิดตัว realme Book แล็ปท็อปเครื่องแรกของแบรนด์ realme มาเสริมทัพไลน์สินค้า AIoT ให้แข็งแกร่งมากขึ้น จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอแสดงผลแบบ Full Vision 2K ขนาด 14 นิ้ว ดีไซน์บาง 14.9 มม., ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Core Gen11th, เสริมประสิทธิภาพให้ทรงพลังด้วยการ์ดจอ Intel® Iris® Xe (เฉพาะรุ่น i5) และ Dual-channel LPDDR4x RAM สูงสุด 16GB เก็บข้อมูล PCIe® SSD ได้สูงสุด 512GB, รองรับเทคโนโลยี Super-Fast Charge 65W สามารถใช้งานยาวนานได้สูงสุด 11 ชั่วโมง พร้อมระบบระบายความร้อน Dual (Dual Fans + Dual Copper Pipes) ด้วยท่อความร้อนคู่และพัดลมความเร็วสูง จึงไร้เสียงรบกวนแม้ในสถานการณ์ที่ใช้งานประสิทธิภาพสูง
realme Book สามารถเชื่อมต่อพอร์ต Thunderbolt 4 รุ่นใหม่ จึงถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว อัตราส่งข้อมูลสูงสุด 40Gb/s (เฉพาะรุ่น i5 เท่านั้น), รองรับเทคโนโลยี Wi-Fi 6 มอบความเสถียรเหนือชั้น, ให้คุณจัดเต็มทุกความบันเทิงผ่านระบบเสียง Stereo โดย DTS พร้อมลำโพง HARMAN 2 ตัว รองรับเอฟเฟกต์เสียงสเตอริโอ DTS HD และ Dual Mic ช่วยตัดเสียงรบกวน และเพื่อให้การทำงานของคุณลื่นไหล, เทคโนโลยี PC Connect ช่วยให้คุณเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถ่ายโอนข้อมูลง่ายๆ ด้วยการลากและวางเมาส์หรือทัชแพด, ล้ำยิ่งขึ้นด้วยแผงคีย์บอร์ดมีไฟพื้นหลัง ปรับความสว่างได้ 3 โหมด และมีทัชแพดขนาดใหญ่ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Real Grey และ Real Blue
‘Dare’ จิตวิญญาณความกล้า สร้างขนบเฉพาะตัวจากกลุ่มคนรุ่นใหม่
Sky Li เคยกล่าวไว้ว่า อนาคตของ realme ถูกกำหนดโดยคนรุ่นใหม่ หน้าที่ของแบรนด์คือสนับสนุนให้พวกเขากล้าที่จะมีความฝันอันยิ่งใหญ่ และก้าวกระโดดไปสู่ความท้าทายด้วยความมั่นใจและมองโลกในแง่ดี
และด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่นี้เอง ทำให้ realme กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างก้าวกระโดด โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเรา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้งาน รวมถึงพนักงานในบริษัท ล้วนสอนให้เรากล้าที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ กล้าที่จะก้าวไปสู่ในโลกอนาคต และกล้าที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
ต้องขอขอบคุณกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้การตอบรับและสนับสนุนเราเป็นอย่างดี ส่งผลให้เราประสบความสำเร็จในการส่งมอบสมาร์ทโฟนได้สูงถึง 100 ล้านเครื่องทั่วโลก และถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในตลาดสมาร์ทโฟนด้วย
ท้าผู้กล้ามาปล่อยพลังความกล้าในแคมเปญ ‘How Dare You Be You’
จากความสำเร็จของ realme ที่เกิดจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ไว้วางใจแบรนด์ ทำให้ realme จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง ‘100M User’ ปลุกความกล้า ท้าคนรุ่นใหม่ได้พิสูจน์ตัวเองไปกับแคมเปญ How Dare You Be You ‘1 ใน 100 ล้านผู้กล้า’ ชวนคุณถ่ายภาพพร้อมบอกเล่าเรื่องราวความกล้าของตัวเอง วีรกรรมความกล้าของใครโดนใจทีมงาน realme Global ที่สุด คว้าโอกาสได้โปรโมตตัวตน โดยภาพถ่ายทั่วโลกจะถูกนำไปโชว์ในงาน realme Fan Festival 2021 ซึ่งจะตระเวนจัดแสดงภาพถ่ายใจกลางเมืองสำคัญของลอนดอน มอสโก มาดริด และเซินเจิ้น เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนเปลี่ยนเสียงภายนอกที่เป็นลบให้กลายเป็นพลังบวก
สำหรับแฟน realme Fan Fest ในประเทศไทย ทาง realme จับมือกับ Shopee จัดแคมเปญสุดพิเศษ ‘realme Fan Fest X Super Brand Day’ มอบส่วนลดให้กับแฟน realme ที่ให้การตอบรับอย่างดีเสมอมา จนสามารถปิดยอดขายสินค้าโตกว่า 500% และยอดจำหน่ายโตขึ้น 300% รวมทั้งมียอดแฟนคลับสูงขึ้นกว่า 500%
Sky Li กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มผู้ใช้งานและพนักงานของเราทุกคน ล้วนสอนให้เรากล้าที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ กล้าที่จะก้าวไปสู่โลกอนาคต และกล้าที่จะเป็นผูนำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง”
แคมเปญนี้ นอกจากจะตอกย้ำแบรนด์ที่พร้อมผลักดันพลังคนรุ่นใหม่ให้ขับเคลื่อนยุคสมัยไปพร้อมกับเทคโนโลยี ยังเป็นการฉลองความสำเร็จ ‘100M Users’ ภายใน 3 ปี สมศักดิ์ศรีแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย