จากกรณีที่ บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับใบอนุญาตผลิต (ที่ไม่ใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง จากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ถือเป็นบริษัทรายแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าว
สุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงินของ RBF เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าเจรจาธุรกิจทำ MOU กับกลุ่มลูกค้าปลายน้ำ และรับคำสั่งซื้อจริงในธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อการผลิต พัฒนา สินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สมุนไพร อาหารเสริม และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ในอนาคต เพื่อนำสารสกัดไปใช้ผลิตสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับการนำสินค้าออกสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับเป้าหมายรายได้หลังจากที่ได้รับใบอนุญาต คาดว่าปีนี้อาจไม่ได้เห็นภาพการเติบโตที่มากนัก แต่เชื่อว่าจะส่งผลที่ชัดเจนระดับสูงในปี 2565 โดยในส่วนของลูกค้าใหม่ปีนี้จะมีเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะผลิตภัณฑ์จากไทยที่ส่งออกต่อไปจะมีสาร CBD ใส่เข้าไปด้วย เพื่อเจาะตลาดกลุ่มยุโรป ซึ่งมีความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีสาร CBD ผสมอยู่ ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ RBF ช่วงเช้านี้ (5 กรกฎาคม) ปรับตัวลดลงราว 4% จากราคาปิดเมื่อวันทำการก่อนหน้า มาแตะจุดต่ำสุดที่ 22.3 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการได้รับใบอนุญาตโรงสกัด CBD-THC จากกัญชงเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศ ช่วยปลดล็อกขั้นตอนหลักในการเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัญชงของบริษัทลงทันที ทั้งนี้ ตามแผนหากได้รับใบอนุญาตการปลูกใน 1-2 เดือนนี้ บริษัทคาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากสาร CBD ได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ก่อนที่จะเกิดรายได้เต็มที่ในปีหน้า
อย่างไรก็ดี ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเราได้รวมประมาณการรายได้และกำไรจากธุรกิจดังกล่าวไปแล้ว โดยคาดรายได้จากสาร CBD และผลผลิตเกี่ยวเนื่องกับกัญชงรวมขายสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ (Terpene) ในปี 2565 ราว 1.3 พันล้านบาท จากปี 2564 ที่ส่วนใหญ่เป็นการขายสาร Terpene ราว 104 ล้านบาท ผลักดันรายได้และกำไรสุทธิปี 2565 โตกว่า 41% และ 81% ตามลำดับ
ในขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นกว่า 151% ในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 12% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จนปัจจุบันซื้อขายบน P/E ปี 2565 กว่า 45 เท่า สะท้อนความคาดหวังการได้ใบอนุญาตโรงสกัดและเพาะปลูกกัญชงไปแล้ว
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ประเมินกำไรปกติปี 2564 เท่าเดิมที่ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน ส่วนกำไรปี 2565 ปรับขึ้นเป็น 1.14 พันล้านบาท เติบโต 90% จากปีนี้
โดยปีนี้ประเมินว่ารายได้จากกัญชงจะเข้ามาค่อนข้างน้อยและไม่มีนัยสำคัญ และปัจจุบัน อย. ยังไม่ได้ออกใบอนุญาตการปลูกกัญชง ซึ่งเราคาดว่าจะปลูกกัญชงได้เร็วที่สุดในเดือนสิงหาคมนี้ และจะสามารถเก็บเกี่ยวช่อดอกแห้งกัญชงได้เร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564
อย่างไรก็ตามจากการที่เราใช้สมมติฐานกรณีฐานทำให้ประมาณการกำไรปกติปี 2565 ยังคงมีอัปไซด์จากราคาขาย CBD และผลตอบแทนจากการสกัดสาร CBD ที่อาจสูงกว่าที่เราประมาณการไว้
ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 22.70 บาท อิง P/E 40 เท่า สอดคล้องกับบริษัทที่ทำธุรกิจกัญชง-กัญชาในตลาดโลก ได้แก่ Planet 13 Holdings Inc และ Cresco Labs Inc ซึ่งมี Forward P/E ที่ 40 เท่า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
