ท่ามกลางกระแสการลงทุนในหุ้นยอดนิยมอย่าง Magnificent Seven ที่ราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates เตือนว่าสถานการณ์นี้คล้ายคลึงกับยุคดอทคอมในอดีต
พร้อมแบ่งปันมุมมองและหลักการลงทุนที่สั่งสมมากว่า 5 ทศวรรษ ในการสนทนากับ Brian Sozzi บรรณาธิการบริหารของ Yahoo Finance ที่งาน World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
Dalio ผู้สร้าง Bridgewater จากธุรกิจเล็กๆ ในอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอน จนกลายเป็นบริษัทเอกชนอันดับ 5 ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ ตามการจัดอันดับของ Fortune แนะนำว่านักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปใน 10-15 สินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันน้อยที่สุด
เช่น หุ้น, พันธบัตร, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อให้เมื่อสินทรัพย์หนึ่งราคาลง อีกสินทรัพย์หนึ่งอาจปรับตัวขึ้นมาช่วยรักษาสมดุลของพอร์ตการลงทุน แทนที่จะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับหุ้นที่กำลังร้อนแรงเพียงตัวเดียว
“การกระจายความเสี่ยงเพียงแค่ 3 สินทรัพย์แรกที่ไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เช่น การลงทุนในหุ้น พันธบัตร และทองคำ จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงได้เป็น 2 เท่า” Dalio อธิบาย
เขาเน้นย้ำว่ากลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความอดทนและวินัยในการลงทุน โดยเฉพาะในยุคที่ทุกคนหลงไปกับกระแส เพราะ “หากคุณขาดทุน 50% คุณต้องทำกำไรให้ได้ 100% เพื่อกลับมาเท่าทุนเดิม”
สำหรับนักลงทุนที่มีเงิน 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 35,000 บาท) Dalio แนะนำให้ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ‘อัลฟา’ และ ‘เบต้า’ โดยอัลฟาเปรียบเสมือนการแข่งขันที่ต้องเอาชนะตลาด ซึ่งหากนักลงทุนคนหนึ่งได้กำไรเหนือตลาด อีกคนต้องขาดทุน
ส่วนเบต้าคือการลงทุนตามการเติบโตของตลาดโดยรวม เช่น การลงทุนในดัชนีหุ้น ซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระยะยาวตามการเติบโตของเศรษฐกิจ
มหาเศรษฐีรายนี้ยังเตรียมเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ How Countries Go Broke ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะพูดถึงหลักการในการรับมือกับวัฏจักรหนี้ขนาดใหญ่ แนวโน้มในอนาคตและสิ่งที่ควรทำ โดยเขาย้ำว่าสิ่งแรกที่นักลงทุนควรมีคือความถ่อมตัว เหมือนการแข่งขันกีฬาที่คุณต้องแข่งกับคนอื่น
“การลงทุนที่ดีไม่ได้วัดจากผลตอบแทนในอดีต แต่วัดจากโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในอนาคต อย่าคิดว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นการลงทุนที่ดี เพราะมันอาจเป็นเพียงการลงทุนที่แพงขึ้นเท่านั้น” Dalio ทิ้งท้าย พร้อมย้ำว่านี่คือหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนทุกคน
อ้างอิง: