วันนี้ (22 ธันวาคม) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส. พรรคพลังธรรมใหม่ ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. โดยมีหลักการของกฎหมาย คือให้มีกฎหมายว่าด้วยการสร้างเสริมสังคมสันติสุขโดยให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
สำหรับเหตุผลของการยื่นกฎหมายฉบับนี้ คือตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดการแตกแยกความคิดทางการเมือง แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างรุนแรง และกระจายไปทั่วประเทศ มีการชุมนุมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ ฝ่ายรัฐบาลได้ประกาศและบังคับใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมและยุติการชุมนุมทางการเมือง
ส่งผลให้การชุมนุมทางการเมืองของประชาชนเกิดการกระทำผิดต่อกฎหมายที่ภาครัฐประกาศและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ขาดการยืดหยุ่นจนเกินความจำเป็น บางครั้งก็มีการสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมากเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ลงท้ายด้วยการจำคุกและชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ก่อให้เกิดปัญหาที่ร้าวลึกปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และวัฒนธรรม การกระทำต่างๆ ของผู้ร่วมชุมนุมและประชาชน ล้วนแต่ได้กระทำไปเพื่อแสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ใช่แสดงออกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
จึงสมควรให้มีการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนทุกกลุ่มที่ได้กระทำผิดจากการชุมนุมทางการเมืองและจากการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 – 30 พฤศจิกายน 2565 เพื่อเป็นการให้โอกาสกับประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง เป็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการรักษาคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ลดความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เพื่อให้สังคมไทยและประเทศชาติกลับมาสู่ความสงบสุข สมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้มีความเจริญยั่งยืนต่อไป
สำหรับ พ.ร.บ. ดังกล่าวมีข้อยกเว้น 3 ข้อ คือ
- ไม่นิรโทษกรรมคดีทุจริตคอร์รัปชัน
- คดีตามประมวลกฎหมายมาตรา 112
- ความผิดอาญาที่รุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต
รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีนิรโทษกรรม จำนวน 7 คน ภายใน 60 วันหลังจากที่ พ.ร.บ. ดังกล่าวผ่าน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการ 10 เดือน หากผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรมผ่านไปแล้ว กลับมาทำผิดอีกครั้ง ศาลยุติธรรมจะไม่มีการรอการลงอาญา หรือรอการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น คาดว่าจะมีการประสานกับ ส.ส. พรรคต่างๆ เพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ. นี้ให้พิจารณาได้ทันในสมัยการประชุมนี้ ก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566