จากการเปิดเผยโดยเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ระบุว่า ตอนนี้เส้นทางเดินรถไฟเชื่อมไทย-กัมพูชา (อรัญประเทศ-ปอยเปต) พร้อมเปิดให้บริการแล้ว เหลือเพียงการลงนามจาก 2 นายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 22 เมษายนนี้ พร้อมมีการคาดการณ์ว่าเส้นรถไฟดังกล่าวจะช่วยยกระดับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศได้ดียิ่งขึ้น
วันนี้ (19 เม.ย.) ทางเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า รายงานว่า รัฐบาลได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างต่อเนื่องภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อันเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558-2565 ครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง
โดยทุกอย่างเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ว่าด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายทางรถไฟช่วงอรัญประเทศ (ไทย)-ปอยเปต-ศรีโสภณ-พระตะบอง-พนมเปญ (กัมพูชา) ในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา
โดยการเปิดเผยล่าสุดทราบว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมจัดทำและลงนามร่างความตกลงการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 เมษายนนี้ โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อีกด้วย
ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ชุดนี้จะครอบคลุมทั้งด้านการโดยสารและการขนส่งสินค้าทางรถไฟ การกำหนดนิยามคำศัพท์และการตีความ เช่น คำว่าสถานีระหว่างประเทศ สถานีชายแดน ทรัพย์สินร่วม เป็นต้น รวมถึงการระบุถึงกรรมสิทธิ์ที่ดิน การจัดการเดินรถผ่านแดน, การดูแล, ซ่อมบำรุงกรณีรถเสีย, สินค้าสูญหาย ฯลฯ ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้หารือร่วมกันเพื่อปรับปรุงร่างความตกลงฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในปัจจุบันกัมพูชาได้เปิดเดินรถภายในประเทศแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเดินรถข้ามมายังฝั่งไทยได้ เนื่องจากต้องรอลงนามในเอกสารความตกลงการเดินรถระหว่างประเทศร่วมกับไทยก่อน และสำหรับประเทศไทยเองก็ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเสริมความมั่นคงของทาง เปลี่ยนหมอน ราง เครื่องยึดเหนี่ยวราง ประแจ และปรับปรุงหินโรยราง และก่อสร้างสะพานรถไฟแล้วเสร็จสมบูรณ์ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดเดินรถสายนี้ ภายหลังการลงนามที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน 2562
อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดการณ์กันว่า เมื่อมีการลงนามในเอกสารความตกลงฯ และเปิดเส้นทางเดินรถไฟระหว่าง 2 ประเทศแล้ว จะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ช่วยส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเดินทางไปมาหาสู่กันของประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้มากขึ้นกว่าเดิม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: