บอกเลยว่านี่เป็นอีกนิทรรศการที่คนไทยหลายคนรอคอย สำหรับ ‘จิ๋นซีฮ่องเต้: จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา’ นิทรรศการพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในวันที่ 15 กันยายน ถึง 15 ธันวาคม 2562 ไฮไลต์ของนิทรรศการคือการจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ส่งตรงจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีและพิพิธภัณฑ์ในมณฑลส่านซีมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยมีการเจรจาเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน
กองทัพทหารดินเผาและพลธนูที่เชื่อกันว่าสร้างมาจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง ชุดเกราะหินที่ร้อยด้วยแผ่นหินเล็กๆ มากกว่า 400 ชิ้น รถม้าสำริด ประตูเมือง เครื่องประดับทองและหยกของแท้ที่ถูกฝังไปพร้อมกับสุสาน เหล่านี้คือสิ่งที่จะพบเจอได้ในงานนิทรรศการ ซึ่งได้รวบรวมโบราณวัตถุทั้งหมด 133 รายการ จาก 14 พิพิธภัณฑ์ในมณฑลส่านซี ครอบคลุมตั้งแต่ราชวงศ์โจวตะวันออก ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการรวมอาณาจักรเป็นแผ่นดินจีน ราชวงศ์ฉินสมัยจักรพรรดิจิ๋นซีผู้เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่มีพระชนมพรรษา 13 พรรษา ต่อด้วยความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์ฮั่น โดยทุ่มทุนในการดำเนินงานเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้ชมมรดกชิ้นสำคัญของโลก
ภาพความยิ่งใหญ่จากนิทรรศการที่จัดแสดงในเมืองซีอาน ประเทศจีน ปี 2014
หุ่นทหารดินเผาที่พิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซีในประเทศจีน
ผลงานส่วนหนึ่งที่นำมาจัดแสดงในไทย
“ทั่วโลกรู้จักความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิจิ๋นซีว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิตั้งแต่มีพระชนมพรรษา 13 พรรษา แต่สามารถรวบรวมอาณาจักรและแคว้นเล็กๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว ความสำคัญของพระองค์ไม่ใช่เพียงจักรพรรดิพระองค์แรกของจีน แต่ยังสามารถคุมเส้นทางการค้า เชื่อมซีกโลกตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ทำให้วัฒนธรรมสองซีกโลกมาเจอกัน ทั้งยังทรงริเริ่มการสร้างกำแพงเมืองจีน และที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือความคิดเรื่องโลกหลังความตายของพระองค์ที่ไม่ได้ต้องการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพียงในโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีแนวคิดถึงความเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในโลกหลังความตาย พระองค์จึงทรงสร้างเมืองที่ไม่ใช่แค่สุสานเล็กๆ ตามความเชื่อเดิม สุสานของพระองค์ใช้แรงงานในการก่อสร้างกว่า 7 แสนคน นครเสียนหยางที่ทรงปกครองในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นอย่างไร โลกหลังความตายของพระองค์ก็ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างเช่นกองทหารดินเผาที่ตอนนี้เพิ่งค้นพบเพียง 8,000 ชิ้น แต่ทางจีนเชื่อว่าต้องมีนับแสนเหมือนกองทหารจริงๆ ของพระองค์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังขุดค้นได้เพียง 3 แหล่ง อีกทั้งสุสานขององค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่สามารถขุดค้นพบได้ง่ายๆ”
ผลงานส่วนหนึ่งที่นำมาจัดแสดงในไทย
นิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวถึงความน่าสนใจของนิทรรศการ ซึ่งไม่เพียงแต่ชิ้นโบราณวัตถุอันเป็นมรดกโลกหรือทหารดินเผาที่นำมาจัดแสดงเท่านั้น เพราะแม้แต่วัตถุโบราณชิ้นเล็กๆ ก็เป็นที่มาของความเชื่อและเทคโนโลยีที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหมดจะถูกจัดแสดงอยู่ใน 4 ห้องนิทรรศการ เริ่มจาก 2,700 ปีก่อนในยุคราชวงศ์โจวตะวันออก ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานให้เห็นถึงแคว้นเล็กๆ ที่ต่างก็ปกครองตนเอง ก่อนจะถูกรวมเป็นชาติจีนโดยกษัตริย์ที่มีพระชนมพรรษา 13 พรรษาแห่งแคว้นฉินนาม ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’
นิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
วัตถุโบราณชิ้นเล็กๆ เหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการ
ในห้องนิทรรศการถัดมาเป็นเรื่องราวความเกรียงไกรของจิ๋นซีฮ่องเต้ หลังจากสถาปนาเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกของแผ่นดินจีน โดยในห้องนี้จะได้เห็นถึงเทคโนโลยี ความเชื่อต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิจิ๋นซี ต่อด้วยไฮไลต์คือห้องสุสานจิ๋นซีที่จัดแสดงเหล่าทหารม้าดินเผาทั้งนั่งและยืนของจริง ที่เชื่อกันว่าทหารเหล่านี้สร้างจากต้นแบบของทหารที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ในบรรดาโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดง มีเพียงรถม้าสำริดเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่เป็นชิ้นจำลอง เหตุก็ด้วยรถม้าของจริงทำมาจากสำริด มีความบอบบางมากหากต้องเจอกับสภาพอากาศ และความชื้นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รถม้าจำลองทำจากโลหะแทนที่สำริด
“เนื่องด้วยโลหะมีความอ่อนไหวกับอุณหภูมิเป็นอย่างมาก รถม้าสำริดของจริงซึ่งเป็นงานมาสเตอร์พีซจึงไม่เคยได้เดินทางออกนอกประเทศ ส่วนทหารม้าดินเผาที่เดินทางไปแสดงทั่วโลกนั้นเป็นโบราณวัตถุชุดที่จีนเขาเตรียมไว้สำหรับการนำออกไปจัดแสดงอยู่แล้ว ทางการจีนเขาจะมีด้วยกัน 3 ชุดคือ A, B, C แตกต่างกันออกไปตามมาสเตอร์พีซที่จัดแสดง ทั้งหมดเป็นโบราณวัตถุชุดที่ขุดค้นพบได้ในช่วงแรกๆ ของการเปิดสุสาน เป็นทหารดินเผาที่ผ่านการอนุรักษ์ ซ่อมแซม ศึกษามาแล้ว และมีความแข็งแรงต่อการเคลื่อนย้าย
ม้าดินเผาที่นำมาจัดแสดงในไทย
“สำหรับชุดที่นำมาแสดงในเมืองไทยนั้นเป็นชุด B ซึ่งไม่ได้มาได้ง่ายๆ แต่ทางจีนต้องมาดูความพร้อมของสถานที่อยู่หลายครั้ง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าสถานที่จัดแสดงมีความปลอดภัย มีสภาพที่เหมาะสม จึงเริ่มรวบรวมโบราณวัตถุจาก 14 พิพิธภัณฑ์ทั่วมณฑลมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ส่านซี ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาทั้งหมด 1 เดือนเต็ม จากนั้นเป็นการเดินทางด้วยรถขนส่งมายังสนามบินเซี่ยงไฮ้ และมาเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์จึงจะเดินทางมาถึงไทย งบประมาณที่ใช้เฉพาะในการขนส่งไม่ต่ำกว่า 14 ล้านบาท”
(คลิกอ่าน ดูเบื้องหลังจิ๋นซีฮ่องเต้มาไทย กองทัพทหารดินเผาบุกแผ่นดินสยามครั้งแรก)
ภาพระหว่างการขนย้าย
สำหรับห้องสุดท้ายนั้นจัดแสดงการสืบสานความรุ่งโรจน์สู่ราชวงศ์ฮั่น ยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนโบราณ และการผสมผสานวัฒนธรรมบนเส้นทางสายแพรไหม โดยทั้งหมดเป็นดั่งมรดกตกทอดสำคัญที่ถูกปูทางมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นแผ่นดินจีนในสมัยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม, ศรัณยู นกแก้ว, กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าพระธาตุ พระนคร กรุงเทพฯ โทร. 0 2224 1370
- เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น.
- ค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท