หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มลุกลามอย่างรวดเร็วในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะการที่ มิเกล อาร์เตตา โค้ชทีมอาร์เซนอล และ แคลลัม ฮัดสัน-โอดอย สตาร์ดาวรุ่งเชลซี ถูกตรวจพบเชื้อ ได้นำไปสู่การประชุมด่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะได้บทสรุปร่วมกันว่าพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลลีก (EFL) และลีกฟุตบอลหญิงจะพักการแข่งขันออกไปจนถึง 3 เมษายน
อย่างไรก็ดี การพักการแข่งขันดังกล่าวยังไม่ได้ทำให้ทุกฝ่ายคลายความสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้แต่อย่างใด ยังคงมีคำถามที่คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสโมสร ฝ่ายจัดการแข่งขัน หรือแม้แต่แฟนฟุตบอลยังสงสัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากสุดท้ายแล้วพรีเมียร์ลีกไม่สามารถจัดการแข่งขันได้จนจบจริงๆ จะเป็นอย่างไร ซึ่งในประเด็นนี้แม้แต่ เกร็ก คลาร์ก ประธานสมาคมฟุตบอล (FA) ซึ่งมีหน้าที่กำกับกิจการฟุตบอลภายในประเทศอังกฤษ ได้แสดงความกังวลอย่างชัดเจนต่อพรีเมียร์ลีก
เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผลกระทบของมันจะไม่ได้จบแค่เรื่อง ‘ในสนาม’ ว่าทีมใดจะได้แชมป์ ทีมใดจะได้ไปรายการสโมสรยุโรป และจะมีทีมใดเลื่อนชั้นตกชั้นบ้าง
มันยังมีเรื่อง ‘นอกสนาม’ ในเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อทุกสโมสร ซึ่งมีทั้งเรื่องของรายได้จากวันแข่งขัน (Matchday) และเรื่องของรายได้ที่เป็นเงินส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มีโอกาสจะได้น้อยลงไป เพราะพรีเมียร์ลีกมีโอกาสต้องเสียเงินค่าปรับจำนวนมหาศาลให้แก่ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั่วโลก รวมถึงในอังกฤษเอง
ถ้าจะเป็นเช่นนั้นจริง จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และในแต่ละเรื่องจะมี ‘ทางออก’ ได้อย่างไรบ้าง
พรีเมียร์ลีกยังเหลือโอกาสจะแข่งขันได้จนจบฤดูกาลไหม
ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในหมู่สโมสรทั้งหมด ‘ยังมีความเชื่ออย่างยิ่ง’ ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลการแข่งขันทั้งหมดจะพยายาม ‘ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้’ เพื่อที่จะสามารถทำให้แข่งขันได้จนจบฤดูกาล
ทั้งนี้แม้ตามการประเมินของทางการอังกฤษจะระบุว่าช่วงพีกของการระบาดจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน แต่ยังมีความเชื่อว่าในกรณีที่จำเป็น ทางเลือกในการแข่งในสนามปิดไม่ให้แฟนฟุตบอลเข้าชมมีโอกาสจะถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
เพราะ ‘ราคา’ ของความสูญเสียในกรณีที่ไม่สามารถแข่งจนจบฤดูกาลได้นั้นสูงเกินกว่าที่จะยอมทิ้งทุกอย่างได้โดยง่าย เพราะการเป็นแชมป์ การได้ไปแข่งรายการสโมสรยุโรป และการตกชั้นหรือเลื่อนชั้น (สำหรับทีมจากฟุตบอลลีก) มีค่าเท่ากับเงินหลักร้อยล้านปอนด์
ไม่นับว่าหากไม่สามารถแข่งได้ครบทั้งฤดูกาล พรีเมียร์ลีกจะถูกปรับเงิน ซึ่งคาดว่าความเสียหายจะสูงถึง 750 ล้านปอนด์ และความเสียหายนี้จะต้องถูกกระจายไปยังทั้ง 20 สโมสร
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของ เกร็ก คลาร์ก สิ่งที่จะเป็นปัญหาคือ มีโอกาสที่นักฟุตบอลหรือบุคลากรในแต่ละสโมสรจะติดเชื้อไวรัส และทำให้สุดท้ายไม่สามารถลงสนามได้อยู่ดีเพราะต้องถูกกักตัวและประเมินอาการ
สถานการณ์จะดำเนินไปอย่างไร
อย่างแรกที่ต้องยอมรับคือการพักการแข่งขันจนถึง 3 เมษายน ทำให้ในทางปฏิบัติแล้ว ‘ไม่มีโอกาส’ ที่พรีเมียร์ลีกจะแข่งขันตามตารางปกติได้จนจบฤดูกาล
คิดในทางบวกที่สุดคือการขยายตารางแข่งหลังจบฤดูกาลปกติออกไปจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แต่นั่นก็จะกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่มีกำหนดจะแข่งขันในช่วงกลางปี
สิ่งที่เป็น ‘ความหวัง’ ในเรื่องนี้คือการที่ยูฟ่าจะประกาศเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลยูโรในปีนี้ออกไปก่อน ซึ่งแบบนั้นจะทำให้มีระยะเวลาเพิ่มในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่จะทำการแข่งขันได้
ปัญหาคือไม่มีใครบอกได้ว่าการระบาดจะสิ้นสุดลงเมื่อใด นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้
การเลื่อนฟุตบอลยูโร 2020 อาจเป็นความหวังเดียวเวลานี้
สโมสรต่างๆ ต้องทำตัวอย่างไรในยามนี้
เวลานี้สิ่งแรกที่สโมสรต่างๆ จะทำได้คือ การทำให้ผู้เล่นทุกคนในทีมปลอดภัยจากโรคโควิด-19 เรื่องนี้สำคัญที่สุด รองลงมาคือการพยายามทำให้นักกีฬาสามารถรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเช่นกัน
ที่เป็นปัญหาเพราะในเกมฟุตบอลอาชีพ สิ่งที่มีความสำคัญมากคือแมตช์ฟิตเนส (Match Fitness) ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง การต้องพักการแข่งขันแบบกะทันหันเช่นนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ได้ และเป็นหนึ่งในข้อกังวลที่มีบางสโมสรไม่แน่ใจกับแนวทางปฏิบัติปัจจุบัน และเชื่อว่าการปิดฤดูกาลแค่ตรงนี้เป็นเรื่องที่ดีกว่า
อย่างไรก็ดี ทุกฝ่ายยังคงรอทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในการประชุมอีก 2 ครั้ง คือการประชุมของยูฟ่าในวันอังคารที่ 17 มีนาคม และหลังจากนั้นพรีเมียร์ลีกจะมีการเรียกประชุมอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม
ถ้าฤดูกาลจบตรงนี้ลิเวอร์พูลจะยังเป็นแชมป์หรือไม่
ถึงแม้จะเป็นว่าที่แชมป์ มีคะแนนนำโด่งถึง 25 คะแนน ต้องการอีกแค่ 6 คะแนนเพื่อเป็นแชมป์ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้แชมป์ทันทีหากสามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 4 เมษายนนี้ หากสามารถแข่งขันได้ แต่สมมติว่าพรีเมียร์ลีกไม่สามารถแข่งขันต่อได้จริงๆ และถูกตัดจบแค่นี้จะเกิดปัญหาทันที
เนื่องจากตามกฎของพรีเมียร์ลีกไม่มีการระบุไว้ว่า หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้จะทำอย่างไร (ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายวิพากษ์อย่างหนักหน่วงว่าขาดความรอบคอบในการตรากฎ) ดังนั้นตอบแบบเป็นทางการคือ ‘ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร’
มีโอกาสทั้งลิเวอร์พูลจะไม่ได้แชมป์ เพราะฤดูกาลถูกยกเลิก
และก็มีโอกาสที่จะได้แชมป์โดยตัดสินจากอันดับล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ ‘แฟร์’ ที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เพราะเป็นผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นจริง
อีกสถานการณ์ที่มีหลายคนคิดไว้คือ การตัดจบฤดูกาลแค่ตรงนี้โดยสมบูรณ์ ไม่มีการมอบแชมป์ ไม่มีทีมตกชั้นและไม่มีทีมได้เลื่อนชั้น แต่ทางเลือกนี้ ‘เป็นไปไม่ได้’ ที่จะเกิดขึ้น เพราะอย่างไรแล้วทุกสโมสรต้องการ ‘บทสรุป’ ของฤดูกาล
มีสถานการณ์อื่นที่จะเกิดขึ้นได้อีกไหม
สรุปอีกครั้งว่าหากพรีเมียร์ลีกไม่สามารถแข่งขันได้ จะมีโอกาสเกิดสถานการณ์ดังนี้
- ยึดตามอันดับในตารางคะแนนล่าสุด และใช้ตัดสินแชมป์, สิทธิ์ในการไปแข่งสโมสรยุโรป และการตกชั้น ซึ่งรวมถึงในระดับฟุตบอลลีกที่จะมีเรื่องของแชมป์ ทีมที่ได้เลื่อนชั้น และทีมที่ต้องเพลย์ออฟ
- ใช้ระบบ ‘เพลย์ออฟ’ ในการตัดสินแชมป์ และหาทีมขึ้นชั้น-ตกชั้น
- ประกาศให้ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ (มีโอกาสน้อยที่สุด)
การเลื่อนแข่งฟุตบอลยูโร 2020 ยากแค่ไหน เกิดขึ้นได้ไหม
เรื่องนี้ไม่ได้ง่าย เพราะไม่ใช่แค่การขยับการแข่งขันให้เกิดขึ้นหลังจากนี้ 1 ปี เนื่องจากปัจจุบันนี้ปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลนั้นแน่นเหมือนรถไฟฟ้ายามเช้าในกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว
เดิมในปี 2021 จะมีการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกในรูปแบบใหม่ ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการเลื่อนการแข่งขัน ไม่นับการที่มีเจ้าภาพมากถึง 12 ชาติทั่วยุโรป และทุกชาติได้เตรียมการจัดการแข่งขันเอาไว้อย่างดีที่สุดแล้ว
และแน่นอนว่าเรื่องของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่หนักอกหนักใจที่สุด
แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันเหล่าผู้บริหารระดับสูงของยูฟ่าเริ่มยอมรับว่าการเลื่อนการแข่งขันเป็นทางออกเดียวที่จะช่วย ‘ผ่าทางตัน’ ให้กับทุกฝ่ายในเวลานี้
ยังมีอะไรที่น่ากังวลอีกบ้าง
หนึ่งในประเด็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องคือเรื่องสัญญาของนักฟุตบอลจำนวนไม่น้อยที่มีระยะเวลาถึงแค่ 30 มิถุนายน คำถามคือ นักฟุตบอลเหล่านี้จะทำอย่างไรหากลีกจะกลับมาแข่งขันกันต่อในช่วงกลางปี โดยเฉพาะหากมีการตกลงจะย้ายไปสโมสรใหม่แล้วซึ่งปกติจะทำสัญญาในวันที่ 1 กรกฎาคม
ทางออกที่เป็นไปได้คือการตกลงสัญญาระยะเวลาพิเศษจนกว่าจะจบฤดูกาล หรือตามระยะเวลาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของตลาดนักเตะรอบใหม่ เรื่องแผนการเตรียมทีมสำหรับฤดูกาลหน้า เรื่องแผนการเดินทางทัวร์ของสโมสรต่างๆ
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดเดาทั้งนั้น ทุกฝ่ายมีสิ่งที่ต้องพูดคุยกันอีกมาก มีหลายเรื่องที่อาจจะต้องยอม ‘ถอย’ เพื่อให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ และต้องยอมรับว่าไม่มีใครที่จะสมหวังในทุกสิ่งที่ต้องการ
สุดท้ายแล้วฟุตบอลคือเกมกีฬา ราคาของมันไม่มีวันเท่าชีวิตคน!
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-8108625/Premier-League-Coronavirus-Q-Liverpool-win-league.html
- https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/fa-chief-greg-clarke-fears-the-season-will-not-finish-c57rs2mbq
- https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/q-amp-a-what-happens-if-the-season-cannot-be-completed-jn6nl76gm