ผู้สื่อข่าว ‘สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย’ รวบรวมผลการดำเนินงานหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ที่ประกาศงบไตรมาส 1/63 โดยภาพรวมส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 พบว่าส่วนใหญ่มีผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุนกันถ้วนหน้า จากการปิดโรงแรม และภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ชะงักลงจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19
เริ่มที่บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ใน Q1/63 บริษัทมีผลขาดทุน 1,773.52 ล้านบาท ลดลง 404.14% ซึ่งได้รับผลกระทบหนักทั้งในส่วนธุรกิจอาหาร และโรงแรมจากผลกระทบโควิด-19 โดยรายได้ในส่วนของธุรกิจโรงแรมใน Q1/63 อยู่ที่ 15,770 ล้านบาท ลดลง 26% จาก Q1/62 ซึ่งอยู่ที่ 21,230 ล้านบาท ด้าน EBITDA จากการดำเนินงานเมื่อรวมผลกระทบการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 ในช่วง Q1/63 อยู่ที่ 2,070 ล้านบาท ลดลง 33% จาก Q1/62 ซึ่งอยู่ที่ 3,085 ล้านบาท
ด้านบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ที่มีธุรกิจทั้งโรงแรมและอาหารเช่นเดียวกับ MINT พลิกผลการดำเนินงาน Q1/63 จากกำไรเป็นขาดทุนเช่นกัน โดยบริษัทมีผลขาดทุนอยู่ที่ 45.11 ล้านบาท ลดลง 105.46% จาก Q1/62 ซึ่งอยู่ที่ 825.91 ล้านบาทโดยอัตราการทำกำไรลดลง จากการลดลงของรายได้ธุรกิจโรงแรมอย่างมีนัยสำคัญ เพราะผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,796.8 ล้านบาท ลดลง 34.8% จาก Q1/62 ที่มีรายได้ 2,755.6 ล้านบาท
ส่วนบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ในช่วง Q1/63 ขาดทุน 102.21 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 143.57%โดยรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงแรมใน Q1/63 อยู่ที่ 1,161 ล้านบาท ลดลง 32% และมี EBITDA อยู่ที่ 291 ล้านบาท ลดลง 53% จากQ1/62 จากการปิดโรงแรมในช่วงไวรัสระบาด
สำหรับบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ที่สามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรอย่างโดดเด่นได้ เนื่องจากมีสาเหตุหลักจากรายได้ที่ไม่เกิดขึ้นประจำของบริษัท โดยบริษัทรับรู้กำไรจำนวน 10.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขายหุ้น 50% ในบริษัท Prime Locations Management 3 Ltd. ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโรงแรมแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ให้แก่บริษัท Wai Eco World Developer Pte (EWD) ทั้งนี้ราคาหุ้นดังกล่าวคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม รายได้จากโรงแรมเดิมของ SHR ก็ปรับลดลงตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกับโรงแรมอื่นๆ
ขณะที่อีกหนึ่งหุ้นที่มีธุรกิจโรงแรมและเป็นกลุ่มธุรกิจในเครือ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี นั่นคือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมถึง 60% โดยผลประกอบการของ AWC งวด Q1/63 มีกำไร 108.21 ล้านบาท ลดลง 55.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่กำไร 221.43 ล้านบาท โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงานเท่ากับ 1,534.6 ล้านบาท ลดลงจาก 2,404.0 ล้านบาท หรือ 36.2% จากผลกระทบจากโควิด-19
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
รายงาน: ชุติมา อภิชัยสุขสกุล
เรียบเรียง: สุรเมธี มณีสุโข
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com