วานนี้ (21 กุมภาพันธ์) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้แถลงตอบโต้ต่อทริปการเดินทางเยือนยูเครนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา โดยได้ส่งคำเตือนไปยังโลกตะวันตก ด้วยการสั่งระงับสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสำคัญกับสหรัฐฯ ขณะที่ไบเดนซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงวอร์ซอของโปแลนด์ ยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนยูเครนอย่างหนักแน่นเช่นเดิม
“เมื่อรัสเซียเปิดฉากรุกราน ไม่ใช่แค่ยูเครนเท่านั้นที่ถูกทดสอบ โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับการทดสอบมาช้านาน” ไบเดนกล่าว ณ พระราชวังหลวงกรุงวอร์ซอ หรือเป็นเวลาหนึ่งวันหลังจากที่เขาได้เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้ามาก่อน “เราเคยพูดว่าจะยืนหยัดเพื่ออำนาจอธิปไตย และเราก็ทำเช่นนั้น เราจะยืนหยัดเพื่อสิทธิของประชาชนที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน และเราก็ทำ เราจะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย และเราก็ทำ”
นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวด้วยว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความช่วยเหลือที่มีต่อยูเครนของเรานั้นจะไม่ลดลง NATO จะไม่แตกแยก และเราจะไม่หยุดยั้ง”
โดยวานนี้ ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีต่อกองทัพและชนชั้นนำทางการเมืองของรัสเซีย โดยเขาโจมตีว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่เข้ามาทำให้สงครามลุกลามบานปลายจนกลายเป็นความขัดแย้งระดับโลก ก่อนที่จะประกาศระงับการเข้าร่วมในสนธิสัญญา New START ซึ่งเป็นข้อตกลงจำกัดหัวรบนิวเคลียร์หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และรัสเซียได้ลงนามในสนธิสัญญา New START เมื่อปี 2010 โดยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ และอดีตประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ซึ่งกำหนดให้แต่ละประเทศมีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการไม่เกิน 1,550 หัวรบ โดยสนธิสัญญานี้จะหมดอายุในปี 2026
อย่างไรก็ตาม ปูตินเน้นย้ำว่า รัสเซียได้ระงับการเข้าร่วมในข้อตกลงดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงอย่างเต็มรูปแบบในตอนนี้
“ชนชั้นนำของโลกตะวันตกไม่ได้ปิดบังจุดประสงค์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ต้องตระหนักเช่นกันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะรัสเซียในสนามรบ” ปูตินกล่าว
“พวกเขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนความขัดแย้งในระดับท้องถิ่นให้กลายเป็นการเผชิญหน้าระดับโลก” ปูตินกล่าว “นี่คือสิ่งที่เราเข้าใจทั้งหมด และเราจะตอบสนองตามนั้น เพราะในกรณีนี้ เรากำลังพูดถึงการดำรงอยู่ของประเทศของเรา”
หลังสิ้นการประกาศของปูติน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า การกระทำของปูตินเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่าสหรัฐฯ จะจับตาอย่างใกล้ชิดว่าปูตินจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
ภาพ: Contributor / Getty Images
อ้างอิง: