ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้สั่งการให้พันธมิตรซีเรียและกลุ่มกบฏคู่ปรปักษ์หยุดยิงชั่วคราวในพื้นที่สู้รบเขตโกตาตะวันออก ใกล้กับกรุงดามัสกัส เป็นเวลา 5 ชั่วโมงทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของพลเรือน และเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หลังมีรายงานการใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธโจมตีด้วย
สื่อรัสเซียระบุว่ากรอบเวลาการหยุดยิงจะเริ่มจากเวลา 9.00-14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และจะเปิดช่องทางสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่กำหนดเป็นเขตปลอดทหารด้วย
ก่อนหน้านี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ผ่านร่างมติหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน แต่ไม่สัมฤทธิ์ผล เนื่องจากกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรียยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่ใส่กลุ่มกบฏอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกหลายคน
ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเปิดเผยว่า ทหารซีเรียได้ใช้แก๊สคลอรีนโจมตีฝ่ายกบฏ โดยล่าสุดหน่วยอำนวยการสาธารณสุขในเขตชานเมืองดามัสกัสระบุว่า มีพลเรือนเข้ารับการรักษาหลังจากที่สูดแก๊สพิษเข้าไปจำนวน 16 คน โดยเป็นเด็ก 6 คน ขณะที่กลุ่มอาสาสมัคร White Helmets เปิดเผยว่า มีเด็กเสียชีวิตจากแก๊สคลอรีนแล้ว 1 คน
ทั้งนี้สองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่าใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธโจมตี แต่รัฐบาลซีเรียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาตลอด ขณะที่ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าข่าวการใช้แก๊สคลอรีนเป็นเรื่องหลอกลวง พร้อมกับกล่าวตำหนิกลุ่ม White Helmet ว่านำเสนอข่าวปลอมด้วย
ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในโกตาตะวันออกมีสารเคมีในครอบครอง ซึ่งอาจมีการนำไปใช้เพื่อยั่วยุให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น
อ้างอิง: