×

เนสท์เล่สานต่อแคมเปญใจฟู ‘PURINA Pets At Work’ ปี 2 เพราะรู้ว่าการทำงานโดยมีสัตว์เลี้ยงสุดรักอยู่เคียงข้างเป็นสิ่งที่พิเศษ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
17.11.2025
  • LOADING...
เนสท์เล่สานต่อแคมเปญใจฟู ‘PURINA Pets At Work’ ปี 2 เพราะรู้ว่าการทำงานโดยมีสัตว์เลี้ยงสุดรักอยู่เคียงข้างเป็นสิ่งที่พิเศษ

ปรากฏการณ์ ‘pet-friendly workplace’ หรือการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาที่ทำงาน กำลังเป็นที่นิยมในหลายองค์กรทั่วโลก อย่าง Amazon สาขาซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา มีสุนัขที่ลงทะเบียนและสามารถนำมาที่ออฟฟิศในปี 2019 มากถึง 7,000 ตัว หรือ Mindspace ผู้ให้บริการ co-working space ในยุโรปก็เชื่อว่า การพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานจะช่วยเสริมบรรยากาศการทำงานและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กร

 

 

หรือ Nestlé Purina PetCare บริษัทผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงชั้นนำของโลกในยุโรป อนุญาตให้พนักงานนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาทำงานอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะออกเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการในปี 2020

 

สำหรับประเทศไทย เนสท์เล่ เพียวริน่า ประเทศไทย คิกออฟแคมเปญ PURINA Pets At Work ครั้งแรกในปี 2024 ให้ชาวออฟฟิศ เนสท์เล่ ประเทศไทย พาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาใช้ชีวิตร่วมกันในที่ทำงาน 1 วัน ที่ไม่เพียงตั้งใจให้พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น แต่ตั้งเป้าให้ประเทศไทยผลักดันนโยบาย Pet Friendly ในสถานที่ทำงานให้เกิดขึ้นจริง

 

 

ปีนี้ เนสท์เล่ เพียวริน่า ประเทศไทย ต่อยอดความสำเร็จเดินหน้าแคมเปญปีที่ 2 “#PURINA Pets At Work is totally PAWSOME!” ที่เนสท์เล่ สำนักงานใหญ่ประเทศไทย Osman Takir ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาเราได้รับความสนใจทั้งจากพนักงานในองค์กรของเราและองค์กรอื่นๆ ภายในอาคาร centralwOrld Offices ที่ทำงานร่วมกับเราและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี”

 

 

“เราเชื่อเสมอว่า การทำงานโดยมีสัตว์เลี้ยงสุดรักอยู่เคียงข้างนั้นช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน ช่วยผ่อนคลายความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น เราจึงต่อยอดแคมเปญนี้เพื่อแสดงจุดยืนที่ว่า การทำงานโดยมีสัตว์เลี้ยงสุดรักอยู่เคียงข้างนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษ”

 

“ที่ผ่านมาออฟฟิศเนสท์เล่ในหลายประเทศ ก็อนุญาตให้พนักงานพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วย อย่างที่สหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ก็อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาที่ทำงานเกือบทุกวัน เราเองก็อยากจะให้ประเทศไทยทำได้เช่นนั้น”

 

 

หนึ่งในผลลัพธ์ที่วัดได้จากแคมเปญนี้คือ ‘ความสุขของพนักงานที่เพิ่มมากขึ้น’ ซึ่ง Osman บอกว่า นั่นคือเป้าหมายที่เขาต้องการ

 

งานวิจัยจาก HABRI (Human Animal Bond Research Institute) พบว่า 97% ของพนักงานที่ทำงานในสถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงจะมีสุขภาพกายใจดีกว่า ความเครียดลดลง และเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ลดลง

 

ที่สำคัญ สัตว์เลี้ยงยังช่วยลดพฤติกรรมการนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ เพราะต้องลุกพาน้องๆ ไปเดินเล่นหรือไปขับถ่ายในที่ที่ออฟฟิศจัดเตรียมไว้

 

 

ความพิเศษของแคมเปญปีนี้ นอกจากจะจัดพื้นที่ห้องประชุมให้เป็น Dog Park เพื่อให้พนักงานพาน้องๆ มาเดินเล่นและสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานผ่านน้องๆ แสนรู้ ปีนี้ยังทดลองขยายพื้นที่โซนทำงานให้เป็น ‘pet-friendly workplace’ มากขึ้น โดยที่มีข้อตกลงชัดเจนว่าน้องๆ ต้องอยู่ในสายจูงและอยู่ห่างจากห้องเตรียมอาหาร รวมถึงจัดอบรมการฝึกสุนัข และเตรียมชุดทำความสะอาดไว้ให้ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงขับถ่ายไม่เป็นที่ เพื่อสุขอนามัยโดยรวม

 

 

“คนที่มีสัตว์เลี้ยงย่อมรู้ดีว่า การอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงในที่ทำงานสร้างความสุขให้กับพวกเขาได้มากแค่ไหน ขณะเดียวกันเมื่อพวกเขารู้สึกว่าองค์กรให้อิสระและสนับสนุน มันจะเกิดเป็นความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กร”

 

 

สำหรับองค์กรที่อยากสร้าง ‘pet-friendly workplace’ นอกจากเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัย Osman บอกว่าอย่าลืมให้ความสำคัญกับพนักงานที่อาจมีการแพ้ขนสัตว์ “เรามีการตรวจสอบพนักงานทั้งหมด เพื่อจัดพื้นที่การทำงานที่เหมาะสม แต่โดยรวมแล้วพนักงานส่วนใหญ่มีความสุขที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ทำงาน เราหวังว่าจะเพิ่มจำนวนวันที่ให้พาสัตว์เลี้ยงมาที่ออฟฟิศได้มากกว่าปีก่อน และอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น”

 

 

ถ้าประกาศอย่างเป็นทางการว่าอนุญาตให้พนักงานพาบอสตัวจริงมาทำงานด้วยทุกวันได้เมื่อไร น่าจะมีพนักงานจำนวนไม่น้อยที่อยากเข้าร่วมมากขึ้นแน่ๆ จะได้ไม่ต้องทนเหงาเฝ้าคิดถึงสัตว์เลี้ยงแสนรักที่นอนรอให้เราไปลูบหัว เกาพุงอยู่ที่บ้านลำพังอีกต่อไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising