ผัดกะเพราเป็นอาหารสิ้นคิด กินกันตาย

ผัดกะเพรา เมนูนี้ร้านอาหารตามสั่งที่ไหนก็ทำได้

ผัดกะเพราน่ะเหรอ เดินไปสามเก้าก็เจอแล้ว

แม้ต้มข่าไก่ ต้มยำกุ้ง และผัดไทย จะเป็นอาหารที่ประทับตราประเทศไทยเอาไว้ในสายตาชาวต่างชาติ ทว่าสำหรับคนไทย ‘ผัดกะเพรา’ คือเมนูมหานิยมที่หลายคนสั่งซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้จักเบื่อ พร้อมให้เหตุผลในการซ้ำว่าเป็นเพราะราคาถูก ทำง่าย ทำเร็ว ใครๆ ก็ทำได้ คล้ายกับว่าผัดกะเพราเป็นอาหารสิ้นคิดที่ไม่ต้องใส่ไอเดียสร้างสรรค์อะไรลงไปให้มากเรื่องนัก

ป้ายนีออนบอกว่า “เธอเป็นสิ่งแรกที่ฉันนึกถึง”

แต่ก็น่าแปลกที่เมนูสิ้นคิดจานนี้กลับเป็นเมนูแรกในดวงใจที่หลายคนนึกถึง ไม่เพียงเท่านั้น ผัดกะเพราของแต่ละคนก็ล้วนแข่งกันใส่รายละเอียดลงไปอย่างไม่มีใครยอมใคร…ไม่กระเทียม ไม่ใบกะเพรา ขอหมูสับ หมูชิ้น กะเพราคลุกข้าว เติมเห็ด ไข่แดงไม่สุก แต่ขอขอบกรอบๆ ฯลฯ

สุดท้ายกลายเป็นว่าผัดกะเพราหนึ่งจานสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของอาหารสิ้นคิดไปสู่เมนูใหม่ๆ ได้อย่างไม่รู้จบ และนั่นจึงเป็นที่มาของการเปิดร้าน เพรา (Prow) ข้าวผัดกะเพราตามใจฉันที่ให้ลูกค้าได้เลือกท็อปปิ้ง วัตถุดิบ ความเผ็ด ได้ตามความต้องการของแต่ละคนอย่างถูกปาก

บรรยากาศภายในร้านกะเพราจิ๋ว

The Vibe

เพราตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางย่านมนุษย์ออฟฟิศ ติดบันไดเลื่อนรถไฟฟ้าช่องนนทรี ตัวร้านติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ตกแต่งเรียบง่าย สะอาด และนั่งสบาย ซึ่งนี่คือความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากจะปรับภาพของร้านอาหารตามสั่งทั่วไปซึ่งอาจจะไม่สะอาดหรือนั่งไม่สบายนักให้มีความผ่อนคลายนั่งสบายมากยิ่งขึ้น ส่วนที่นั่งมีทั้งแบบโต๊ะเดี่ยวและโต๊ะยาวแชร์ริมกระจก รองรับได้ทั้งหมดประมาณ 20 ที่นั่ง ดังนั้นช่วงเที่ยงที่ชาวออฟฟิศพักพร้อมกัน ร้านนี้จึงคนแน่น รอคิวนานสักหน่อย ไม่เหมาะสำหรับคนที่รีบและมีเวลาพักน้อย

คุณอ้อ-นันทิยา เดชอมรธัญ เจ้าของร้านและคนรักกะเพราตัวยง

The Chef

ปริญญาอักษรศาสตร์ เอกอังกฤษ พ่วงด้วยสายแฟชั่นรีเทลที่ประเทศอังกฤษ ไม่ได้ทำให้ คุณอ้อ-นันทิยา เดชอมรธัญ เจ้าของร้านเฉียดใกล้แวดวงอาหารเลยแม้แต่นิด แต่สิ่งเดียวที่เป็นแรงดึงดูดให้สาวตาโตวัย 28 ปีผู้นี้เข้าสู่วงการอาหารก็คือความชอบกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมนูผัดกะเพรา ที่ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา 30 บาทไปจนถึงกะเพราราคาหลักพัน คุณอ้อตระเวนกินมาหมด กระทั่งไปเรียนที่ต่างแดนซึ่งขาดแคลนร้านผัดกะเพราอร่อย คุณอ้อจึงต้องเข้าครัวทำผัดกะเพรากินเองอยู่เสมอ

เมื่อกลับมาเมืองไทย เธอยังคงทำงานตามสายที่เรียนมาคือเป็นนักแปลและอยู่ในแวดวงแฟชั่น แต่ชีวิตก็เปลี่ยนแบบหักมุมอีกครั้งเมื่อกิจการเสื้อผ้าที่เธอออกแบบเองเจ๊งไม่เป็นท่า แน่นอนว่าความมั่นใจและพลังในการสร้างสรรค์ตกฮวบจนกลายเป็นความเฉา ตื่นเช้า อยู่บ้าน ทำงานแปลวนอยู่แบบนั้นนานนับปี ทว่าในระหว่างนั้นเธอก็เริ่มค้นหาความชอบอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเองอีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวคือ ‘ผัดกะเพรา’

มีคนเตือนเยอะมากว่าผัดกะเพรากินที่ไหนก็ได้ เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอ ใครๆ ก็ทำได้ ทว่ายังไม่มีการจัดระเบียบผัดกะเพราให้เป็นระบบ ผัดกะเพราไม่จำเป็นต้องกินในร้านร้อนๆ เท่านั้น จะทำอย่างไรให้ผัดกะเพรารสชาติคงเส้นคงวา หรือถ้าใครอยากเพิ่มท็อปปิ้งก็ทำได้ แต่ก่อนเราไม่ชอบกะเพราใส่ถั่วฝักยาวเลย แต่พอมาทำร้าน อ้าว…ลูกค้าหลายคนขอถั่วฝักยาวเพิ่ม มันก็เลยเปลี่ยนมุมมองเราว่าที่เราไม่ชอบ แต่คนอื่นชอบก็มี เราจึงจัดท็อปปิ้งต่างๆ มาไว้ให้ครบ ระดับความเผ็ดแบบไหนก็มีให้เลือก

“ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดีมันต้องมาจากความชอบ และผัดกะเพราก็ผุดขึ้นมาว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ดี แต่มีคนเตือนเยอะมากว่าผัดกะเพรากินที่ไหนก็ได้ เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอ ใครๆ ก็ทำได้ ทว่าเราก็มองเห็นช่องตรงที่มีคนทำเยอะก็จริง แต่ยังไม่มีการจัดระเบียบผัดกะเพราให้เป็นระบบ ผัดกะเพราไม่จำเป็นต้องกินในร้านร้อนๆ เท่านั้น จะทำอย่างไรให้ผัดกะเพรารสชาติคงเส้นคงวาแบบที่ถ้าเปลี่ยนแม่ครัวก็ยังรสชาติเดิม หรือถ้าใครอยากเพิ่มท็อปปิ้งก็สามารถทำได้ แต่ก่อนเราไม่ชอบกะเพราใส่ถั่วฝักยาวเลย แต่พอมาทำร้าน อ้าว…ลูกค้าหลายคนขอถั่วฝักยาวเพิ่ม มันก็เลยเปลี่ยนมุมมองเราว่าที่เราไม่ชอบ แต่คนอื่นชอบก็มี เราจึงจัดท็อปปิ้งต่างๆ มาไว้ให้ครบ ระดับความเผ็ดแบบไหนก็มีให้เลือก ที่นี่ไม่ได้สนว่าจะต้องเป็นผัดกะเพราแท้ไม่แท้ สำหรับร้านเพรา หัวใจสำคัญของผัดกะเพราคือใบกะเพราที่ดี มีกลิ่นหอม และใส่ไปเลยเต็มที่ จากนั้นวัตถุดิบจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน”

ผัดกะเพราหมูใส่เบคอน โปะด้วยชีสหอมกรุ่น

The Dishes

ที่ร้านเพรานี้ไม่ได้โฟกัสว่าผัดกะเพราที่แท้จริงต้องใส่อะไรบ้าง ตรงกันข้าม ลูกค้าสามารถเลือกท็อปปิ้งและวัตถุดิบต่างๆ ได้ตามชอบชนิดที่คนรักผัดกะเพราต้นฉบับเห็นแล้วอาจต้องร้องกรี๊ด เพราะมาครบทั้งแครอต ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน ฟักทอง หอมแดง หอมใหญ่ ไข่กุ้ง มันปู ชีส เต้าหู้ และพริกเผา ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกระดับความเผ็ดตั้งแต่พริก 0 เม็ดไปจนถึงระดับ X คือพริก 6-8 เม็ด ซึ่งที่นี่ใช้พริกขี้หนูสวน แค่ระดับ 3 ก็เผ็ดร้อนมากแล้ว

อย่างที่บอกว่าผัดกะเพราร้านนี้ค่อนข้างฉีกกฎผัดกะเพราทั่วไป ดังนั้นเมนูแนะนำจึงน่าตื่นเต้นไปเสียหมด เพราะนอกจากจะเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีแล้ว ทางร้านยังใช้ข้าวหอมมะลิ ส่วนใบกะเพราก็ใส่แบบไม่อั้น แถมไข่ที่กินคู่กันยังสามารถเลือกได้ทั้งไข่ดาว ไข่ต้มยางมะตูม และไข่เจียวไขมันต่ำ

ผัดกะเพราหมูตุ๋น และผัดกะเพราโปะชีสฉบับตามใจฉัน

เมื่อเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี บริการดี แน่นอนว่าราคาของร้านนี้ย่อมสูงกว่าข้าวผัดกะเพราที่หลายคนคุ้นเคย โดยข้าวกะเพราหมูสับธรรมดา ไม่เพิ่มท็อปปิ้ง ราคาเริ่มต้นที่ 89 บาท ส่วนเมนูแนะนำ ได้แก่ กะเพราเนื้อกุ้งสับพริกเผา (175 บาท), กะเพรากุ้งหมึกแซลมอน (240 บาท) หรือจะข้าวหน้าเนื้อริบอายราดกะเพรา (220 บาท), ข้าวกะเพราแกะ (220 บาท) และกะเพราสันในหมูเบคอนโรยชีส (165 บาท) ที่ชีสผ่านการทอร์ช (จี้ด้วยไฟ) จนหอมกลิ่นควัน บวกกับรสชีสๆ ที่ไม่ต้องเติมน้ำปลาก็เด็ดดวงที่เราขอแนะนำ เป็นต้น

เพรา (Prow)

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น.

Address: อาคาร Silom Connect ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ กรุงเทพฯ (ตีนบันไดรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี)

Budget: ตกราวๆ คนละ 200 บาท

Contact: 08 6345 7705 (ไม่รับสำรองที่นั่งล่วงหน้า)

Page: www.facebook.com/prowthaibasil

Map: