เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ย.) อัยการสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อกล่าวหาหนุ่มอุซเบกิสถานที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ในรอบ 1 เดือน โดยชี้แจงว่าผู้ก่อเหตุวางแผนมาอย่างยาวนาน และได้รับอิทธิพลจากคลิปวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการรัฐอิสลามหรือกลุ่มไอเอสที่อยู่ในโลกออนไลน์ ให้ออกมาลงมือสังหารผู้คนที่ออกมาเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลฮัลโลวีน
อัยการระบุว่า เซย์ฟุลโล ไซโปฟ วัย 29 ปีคนนี้ คลั่งไคล้และชื่นชอบโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ของกลุ่มไอเอสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่ตั้งคำถามต่อการสังหารชาวมุสลิมในอิรักนับตั้งแต่มหาอำนาจตะวันตกก้าวเข้าไปเล่นเกมการเมืองอย่างจริงจังในตะวันออกกลางนับตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 21
เขากล่าวว่า เซย์ฟุลโลเริ่มต้นวางแผนที่จะลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เมื่อราวๆ 1 ปีก่อน หลังจากที่เช่ารถของ Home Depot ได้เมื่อสัปดาห์ก่อน เขาจึงเลือกลงมือก่อเหตุในวันฮัลโลวีน เนื่องจากจะมีผู้คนออกมาเดินบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก
คำร้องนี้ถูกยื่นฟ้องต่อศาลพลเรือน ไม่ใช่ระบบทหารที่จัดตั้งขึ้นเพื่อผู้ก่อการร้ายต่างชาติโดยเฉพาะ ทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของระบบยุติธรรมที่ใช้ลงโทษผู้กระทำผิดทางอาญาร้ายแรง ซึ่งเขาอาจจะทดลองส่งเซย์ฟุลโล ไปยังคุกกวนตานาโมของคิวบา ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพสหรัฐฯ
ทางด้าน เดวิด แพตตัน ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของเซย์ฟุลโล ร้องขอให้ทางการอนุญาตให้เซย์ฟุลโลทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน ภายหลังจากที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดลูกกระสุนที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดเมื่อวานนี้ ซึ่งเดวิดระบุว่า “เซย์ฟุลโลยังคงมีอาการเจ็บบริเวณแผลผ่าตัดเป็นอย่างมาก”
นอกจากนี้หลักฐานชิ้นสำคัญที่ทางอัยการรวบรวมได้อย่างรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุและอาวุธที่คนร้ายใช้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบคลิปวิดีโอของกลุ่มไอเอสที่กำลังสังหารตัวประกัน รวมถึงคลิปสอนวิธีการทำระเบิดกว่า 90 คลิปในมือถือของเซย์ฟุลโล อีกทั้งภายในคลังภาพกว่า 3,800 ภาพนั้นมีภาพของผู้นำสูงสุดของกลุ่มไอเอสอย่าง อาบู บักร์ อัล-บักห์ดาดี รวมอยู่ด้วย
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนพยานรอบข้างเซย์ฟุลโล โดยเฉพาะภรรยาของเขาและหนุ่มอุซเบกิสถานที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเซย์ฟุลโล รวมถึงพยายามสืบค้นว่าเซย์ฟุลโลเคยติดต่อกับกลุ่มไอเอสโดยตรงหรือไม่
ทีมสอบสวนระบุว่า เซย์ฟุลโลทำตามคำแนะนำที่อยู่ในนิตยสารของกลุ่มไอเอส ‘Rumiyah’ ฉบับเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วอย่างเคร่งครัด โดยเนื้อความในนิตยสารแนะนำให้ผู้สนับสนุนหรือผู้ที่จะลงมือก่อเหตุควรพกอาวุธอีกชิ้นไว้ติดตัว เพื่อที่จะใช้ต่อสู้ได้ทันทีภายหลังลงมือก่อเหตุ เซย์ฟุลโลกล่าวว่า เขาเตรียมมีดมาด้วย แต่ในจังหวะที่ชุลมุนเขาหยิบมีดไม่ทัน แต่พบว่ามีปืน (เพนต์บอล) วางอยู่ใกล้กับที่นั่งคนขับ เขาเลยตัดสินใจถือปืนและกระโดดลงจากรถ ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดเข้าที่ช่วงท้อง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังยืนยันว่า ขณะที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เขาพยายามที่จะนำธงของกลุ่มไอเอสออกมาพร้อมกันยืนยันว่า “เขารู้สึกดีกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป”
Photo: AFP
อ้างอิง: