การที่ ‘เลย์’ กินสัดส่วนกว่า 70% ตลาดมันฝรั่งทอดกรอบที่มีมูลค่าอยู่กว่า 12,499 ล้านบาท เติบโต 14.3% กลายเป็นกำแพงใหญ่ที่ขวางกั้นแบรนด์อื่นๆ แจ้งเกิดได้ยาก รวมไปถึง ‘พริงเกิลส์’ ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาบุกเมืองไทยได้ 20 ปีแล้ว แต่วันนี้ยังมีส่วนแบ่งเพียง 8% แม้ว่าในเซกเมนต์มันฝรั่งกระป๋องซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 30% จากตลาดรวมอเมริกันแบรนด์รายนี้จะครองส่วนแบ่ง 90% ก็ตาม
ที่ผ่านมา ‘พริงเกิลส์’ พยายามเจาะตลาดของ ‘เลย์’ มาตลอด ทั้งการออกแพ็กเกจจิ้งแบบซองเข้ามาวางขายใน 7-Eleven ราคา 20 บาท เมืองไทยถือเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่มีแบบซอง นอกเหนือจากแบบกระป๋องราคา 55 บาท รวมไปถึงการออกรสชาติแบบ Seasonal มาปีละ 1-2 รสชาติ ขายครั้งละ 3 เดือน เพื่อจับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เบื่อง่าย อยากลองของใหม่ๆ ตลอด
แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะพฤติกรรมของคนไทยชอบอะไรที่เป็นยูนีก เน้นรสชาติไปให้สุด ไม่ว่าจะเป็นเปรี้ยวสุดหรือเผ็ดสุด แต่สินค้าหลักของพริงเกิลส์ยืนพื้นแค่ 2 รสชาติคือ รสออริจินัลกับซาวด์ครีมและหัวหอม ซึ่งคิดเป็นยอดขายรวมกัน 80% ได้สร้างภาพจำให้กับผู้บริโภคว่าเป็น ‘แบรนด์ฝรั่ง’ ที่ยังไม่ค่อยถูกจริตของคนไทยมากนัก
โจทย์ที่ว่านี้กลายเป็นที่มาของดีลจับมือระหว่าง ‘พริงเกิลส์’ และ ‘เถ้าแก่น้อย’ โดยออกสินค้ามา 3 รสชาติใหม่ ผ่านการดึงรสชาติยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ออกมาเป็น พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยคลาสสิก (Classic Seaweed), พริงเกิลส์ รสสาหร่ายเถ้าแก่น้อยเผ็ด (Hot & Spicy Seaweed) และสาหร่ายเถ้าแก่น้อย รสพริงเกิลส์ซาวด์ครีมและหัวหอม (Sour Cream & Onion) เบื้องต้นวางขาย 1 ปี
อวนิช บาจาจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคลล็อก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย พริงเกิลส์ กล่าวว่า ดีลนี้ใช้เวลาคุยกันกว่า 1 ปี พริงเกิลส์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปคุยก่อน โดยมีบริษัท ซีโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเชื่อมให้รู้จักกับเถ้าแก่น้อย
สาเหตุที่เลือกจับมือกับเถ้าแก่น้อย เพราะพริงเกิลส์ต้องการปรับภาพลักษณ์ตัวเองให้กลายเป็น ‘ลูกครึ่ง’ ดังนั้นแบรนด์ที่จะเลือกจับมือต้องเป็นแบรนด์ไทยแท้ที่มีคนรู้จักจำนวนมาก แข็งแกร่งในตลาด และอยู่กลุ่มขนมเหมือนกัน จะได้เพิ่มฐานลูกค้าได้ทั้งคู่ ไม่ต้องไปสร้างใหม่ ตัวเถ้าแก่น้อยเข้าเกณฑ์หมดเลย ด้วยเป็นแบรนด์ไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ในตลาดสาหร่ายปรุงรสมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“นี่ถือเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีของพริงเกิลส์ เพราะนอกจากจับมือกับเถ้าแก่น้อยแล้ว ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่งออกรสชาติไทยมาอีก 2 รสชาติ โดยมีเป้าหมายมีเจาะให้ถึงคนไทยมากขึ้น โดยถือเป็นปีที่พริงเกิลส์ออกรสชาติใหม่มากที่สุดด้วย”
นอกจากทำตลาดในเมืองไทยแล้ว ดีลการจับมือในครั้งนี้วางแผนจะบุกไปยังต่างประเทศอีกอย่างน้อย 14 ประเทศ โดยเลือกจากประเทศที่แข็งแรงกับทั้งคู่ ไม่ใช่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ‘พริงเกิลส์’ ตั้งความหวังกับการขยับตัวในครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยต้องการเพิ่มส่วนแบ่งจากหลักเดียวมาเป็นตัวเลขสองหลังให้ได้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า