×

นายกฯ แสดงท่าที 5 ประเทศ 200 ล้านคนในลุ่มน้ำโขง ต้องร่วมแก้ปัญหายาเสพติด, อาชญากรข้ามชาติ, ฝุ่น PM2.5, ภัยพิบัติ

โดย THE STANDARD TEAM
07.11.2024
  • LOADING...
นายกฯ แสดงท่าที 5 ประเทศ 200 ล้านคนในลุ่มน้ำโขง

วันนี้ (7 พฤศจิกายน) เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 10 โดยมีผู้นำของ 4 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประธานการประชุม และนายกรัฐมนตรีจากราชอาณาจักรกัมพูชา, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าร่วมด้วย

 

นายกฯ ขอบคุณนายกฯ สปป.ลาว ที่จัดการประชุมในวันนี้ นับเป็นเวลาถึง 21 ปี นับตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งขณะนั้นไทยริเริ่มและร่วมกันก่อตั้ง ACMECS ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ยุทธศาสตร์เป็นสะพานเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก และบทบาทที่มีความสำคัญมากขึ้นในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในอาเซียนและภูมิภาคต่างๆ พร้อมมองว่า ACMECS ในวันนี้เติบโตเปรียบเสมือนคนวัยหนุ่มสาวที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและพลังที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า พัฒนาการของ ACMECS ในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้วิสัยทัศน์การเสริมสร้าง ACMECS ที่เชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ซึ่งไทยได้เชื่อมโยงเส้นทางต่างๆ เช่น การก่อสร้างถนนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจสายตะวันออก-ตะวันตก, เส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ ตลอดจนส่งเสริมการทำงานร่วมกันในพื้นที่ท้องถิ่นผ่านระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย

 

พร้อมทั้งสร้างการสอดประสานด้านเศรษฐกิจ เน้นการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าชายแดน การปรับกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกัน เช่น กฎระเบียบด้านการขนส่งข้ามพรมแดนภายใต้แผนงาน GMS และร่วมกันพัฒนาอนุภูมิภาคในมิติความยั่งยืนและนวัตกรรม โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการยุคใหม่ ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไทยให้ทุนการศึกษาและจัดการฝึกอบรมแก่บุคลากรในประเทศสมาชิกกว่า 100 ราย และจะต่อยอดโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในกัมพูชา, สปป.ลาว และเมียนมา เพื่อให้มั่นใจว่าอนุภูมิภาคของเราจะเติบโตโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

“ดิฉันภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยได้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ACMECS ในมิติอื่นๆ โดยเฉพาะการได้รับความไว้วางใจให้กรุงเทพฯ เป็นสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS ซึ่งเป็นกลไกกลางในการวางแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญและประสานงานทั้งภายในและภายนอกอนุภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งเสริมความเป็นปึกแผ่นและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ACMECS ผ่านการเปิดตัวตราสัญลักษณ์และเว็บไซต์ ACMECS และในที่ประชุมวันนี้ได้ต้อนรับประเทศนิวซีแลนด์ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาประเทศที่ 7 สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของความร่วมมือในกรอบ ACMECS”

 

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า สมาชิกทั้ง 5 ประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเกื้อกูลกัน มีผลประโยชน์และศักยภาพร่วมกันในด้านต่างๆ ขณะเดียวกันก็เผชิญกับความท้าทายร่วมกัน ทั้งอาชญากรรมข้ามพรมแดน มลพิษทางอากาศ และภัยธรรมชาติ อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุมในวันนี้จึงควรร่วมกันพิจารณานำกรอบความร่วมมือ ACMECS มาใช้ในการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งนายกฯ เสนอ 3 แนวทางเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ภายใต้กรอบ ACMECS ดังนี้

 

  1. ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งตามรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี 2023 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยึดเมทแอมเฟตามีนมากถึง 170 ตัน และเคตามีน 22 ตัน ขณะเดียวกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ยังกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญในอนุภูมิภาค

 

ที่ผ่านมามีการรายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจในไทยระหว่างเดือนมีนาคม 2023 – มีนาคม 2024 มูลค่าสูงกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยจึงขอสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกใช้กลไกตามกรอบความร่วมมือต่างๆ เช่น ปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการสกัดกั้นการนำเข้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในการผลิตยาเสพติด การปราบปรามการผลิต การค้ายาเสพติด รวมถึงการเสริมสร้างพัฒนาความเข้มแข็งและยกระดับความร่วมมือในด้านต่างๆ และพร้อมที่จะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมและพบปะกันอย่างสม่ำเสมอ

 

  1. เรื่องมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ปัญหามลพิษทางอากาศเริ่มกลับมารุนแรง ประชากรกว่า 200 ล้านคนในอนุภูมิภาค หรือ 650 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีค่ามลพิษทางอากาศสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของประชาชนลดลงประมาณ 1.5 ปี และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

 

ทั้งนี้ ไทยจึงมุ่งมั่นดำเนินความร่วมมือกับประเทศสมาชิก เพื่อลดจุดความร้อนตามแผนปฏิบัติการเชียงราย 2017 ซึ่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาไทยร่วมกับ สปป.ลาว และเมียนมา จัดพิธีเปิดตัว ‘ยุทธศาสตร์ฟ้าใส’ เพื่อเป็นหนึ่งในต้นแบบความร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการเชียงราย และเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นภูมิภาคอาเซียนที่ปลอดหมอกควันภายในปี 2030

 

  1. เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมามีประชาชนกว่า 5 ล้านคนในอนุภูมิภาคต้องเผชิญกับผลกระทบจากไต้ฝุ่นยางิ โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถิติ แต่เป็นชีวิต บ้านเรือน ทรัพย์สิน และเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

 

นายกฯ ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียในกัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม จากอุทกภัยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พร้อมเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการน้ำในอนุภูมิภาค ซึ่งถือเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้ โดยไทยเสนอเอกสารแนวคิดเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นภาคผนวกเพิ่มเติมในแผนแม่บท ACMECS เพื่อเป็นแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ACMECS ในโอกาสแรก เพื่อร่วมกำหนดท่าทีในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากทุกกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

ทั้งนี้ ACMECS ควรเร่งรัดการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และระดมทุนสำหรับพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้แผนแม่บท ACMECS โดยไทยยืนยันคำมั่นที่จะสนับสนุนเงินให้แก่กองทุน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับกลไกการบริหารกองทุนได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2025 เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม พร้อมเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ตลอดจนประเทศที่มีศักยภาพ องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ ร่วมสมทบกองทุน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืนต่อไป

 

ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ (Vientiane Declaration) ของการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 10 และ 2. ร่างเอกสารแนวคิด (Concept Note) เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมในแผนแม่บท โดยไทยเป็นผู้เสนอ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X