การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ในกลุ่ม A สำหรับทีมชาติไทย โดยผลงานที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเหนือความคาดหมายของหลายๆ คน จากฟอร์มการเล่นที่ผิดตากับการแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา
โดยในการแข่งขันรายการนี้ ไทยสามารถเก็บชัยชนะเหนือบาห์เรนในเกมแรกไปถึง 5-0 ต่อหน้าแฟนบอล 7,072 คน ก่อนที่เกมที่ 2 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม ไทยจะพ่ายให้กับออสเตรเลียไป 1-2 แต่แฟนบอลชาวไทยก็ได้สร้างสถิติยอดแฟนบอลเข้าชมในสนามจำนวน 22,352 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่รายการนี้ถูกจัดขึ้นมา รวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
ผลการแข่งขันแพ้ 1 นัด ชนะ 1 นัด ทำให้ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ยังมีลุ้นผ่านเข้ารอบในนัดสุดท้ายกับอิรัก ที่จะลงแข่งขันกันในช่วงเวลา 20.15 น. คืนวันที่ 14 มกราคมนี้
สิ่งที่ไทยพัฒนาขึ้นจากสองเกมที่ผ่านมา
จุดเด่นของช้างศึกวัยเยาว์ที่เราได้เห็นจากการเดินทางไปชมที่สนามสองนัดที่ผ่านมา คือ ความเข้าใจระหว่างนักเตะในเกมรุกที่มีสูงขึ้น การขับเคลื่อนบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและน้อยจังหวะ ทำให้ไทยกลายเป็นทีมที่มีเกมรุกที่น่าเกรงขามอีกครั้งหนึ่ง
โดยมีผู้เล่นอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ รวมถึง ศุภชัย ใจเด็ด เป็นผู้สร้างความปั่นป่วนในเกมรับของฝั่งตรงข้าม ขณะที่ สรวิทย์ พานทอง ก็สามารถจ่ายบอลทะลุช่อง สร้างความได้เปรียบจนนำไปสู่ประตูได้หลายครั้ง
ด้วยฟอร์มการเล่นนี้หลังผ่านไปสองเกม ทำให้ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชทีมชาติไทย ออกมายกย่องว่าแข้งในเกมรุกของไทยมีอนาคตไกล แต่สำหรับในเกมรับ โดยเฉพาะการดวลแบบตัวต่อตัวนั้นยังคงต้องพัฒนามากขึ้น
โดยจากสองเกมที่ผ่านมา เกมรับของไทยยังไม่สามารถรับมือกับคู่แข่งได้ โดยมีหลายจังหวะที่ถูกจู่โจมจากด้านข้างและหลุดไปจนถึงเสียประตู โดยเฉพาะเกมกับออสเตรเลียที่เสียประตูสองครั้งจากรูปแบบการเข้าทำที่คล้ายกัน
แต่อีกปัจจัยที่นำไปสู่การเสียประตูของไทย ทางนิชิโนะยอมรับว่าคือเรื่องของสภาพร่างกายที่ยังไม่สามารถต่อกรกับทีมอย่างออสเตรเลียที่แข็งแกร่งกว่าได้ ซึ่งจุดนี้ยังคงต้องหาทางปรับจูนและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ของไทยก่อนเกมอิรัก
ทีมชาติไทยในเวลานี้มี 3 คะแนนจาก 2 นัด มีผลต่างประตูได้เสียอยู่ +4 ลูก อยู่อันดับที่ 2 รองจากออสเตรเลียที่มี 4 คะแนน และอยู่เหนืออิรักที่มี 2 คะแนน ส่วนบาห์เรนอยู่ในอันดับที่ 4 มีแค่ 1 คะแนน
โดยสถานการณ์ในตอนนี้ ทั้ง 4 ทีมยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
ซึ่งเกมนี้หากไทยชนะ ก็จะมี 6 คะแนนเต็ม ผ่านเข้ารอบทันทีในฐานะแชมป์กลุ่มของกลุ่ม A หากออสเตรเลียไม่สามารถเอาชนะบาห์เรนได้ เช่นเดียวกัน หากไทยเสมอก็จะมี 4 คะแนน การันตีการผ่านเข้ารอบเช่นเดียวกัน โดยไทยจะเป็นแชมป์กลุ่ม หากบาห์เรนชนะออสเตรเลีย แต่หากไทยแพ้ก็จะตกรอบในทันที
เป้าหมายของเกมที่พบกับอิรักคือชัยชนะเท่านั้น
ช่วงเย็นวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา อากิระ นิชิโนะ นำลูกทีมลงฝึกซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายที่สนามวินด์มิลล์ ฟุตบอล คลับ โดยการฝึกซ้อมครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 90 นาที เน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกายเป็นหลัก โดยมีนักกีฬา 1 รายที่ต้องแยกซ้อมคือ ศุภชัย ใจเด็ด
นิชิโนะให้สัมภาษณ์กับสื่อ ยืนยันว่าเป้าหมายของเกมที่พบกับอิรักคือชัยชนะเท่านั้น
“ในกรณีของทีมชาติญี่ปุ่น ในฟุตบอลโลก 2018 เราต้องกำหนดหลังจากที่เริ่มเกมการแข่งขัน แต่สถานการณ์ตอนนี้เราได้พูดกับนักเตะแล้วว่าเราจะพยายามมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะ ไม่ใช่แค่เสมอ จากการประชุมวันนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกัน”
“อย่างที่เคยพูดก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้นว่า เราเป็นรอง ก็อยากให้นักกีฬาทุกคนท้าทายไปกับทีมระดับเหนือกว่า ที่ผ่านมาสองนัดทุกคนทำเต็มที่ นัดนี้เราก็ต้องทำเต็มที่และสู้ไปกับมัน
“ส่วนอาการบาดเจ็บของนัดที่ผ่านมา ศุภชัย ใจเด็ด จำเป็นต้องซ้อมแยก ส่วน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กลับมาซ้อมกับทีมได้แล้ว แต่ก็ต้องคอยเช็กอาการเป็นระยะๆ
“สไตล์การเล่นของอิรัก เราต้องทำงานร่วมกันและใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ ก็จะเลือกนักกีฬาที่มีร่างกายพร้อมที่สุดลงสนาม อาจจะต้องมีบางคนที่เป็นตัวสำรอง น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง แต่เชื่อว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดี”
“เราต้องรอดูสภาพร่างกายของศุภชัย ใจเด็ดอีกครั้ง รวมถึงนักกีฬาคนอื่นๆ ที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าการขาดศุภชัยส่งผลกระทบต่อเกมรุกและเกมรับ ถ้าไหวเราก็ต้องดูกันอีกที
“ส่วนการตกรอบของญี่ปุ่น ไม่ได้ส่งผลการลุ้นโอลิมปิกของทีมชาติไทยเพียงทีมเดียว เพราะคิดว่าประเทศอื่นๆ ที่ต้องการไปโอลิมปิกก็ต้องการเป็น 1 ใน 3 ทีม สำคัญสุดเราต้องโฟกัสที่แมตช์กับอิรัก และหลังจากนั้นเราค่อยมาว่ากันอีกที”
สำหรับเกมนี้แม้ว่าสถานการณ์ของไทยยังคงความได้เปรียบก่อนที่เสียงนกหวีดแรกจะเริ่มต้นขึ้น แต่อิรักก็ยังคงเป็นทีมที่ไม่สามารถประมาทได้ แม้ว่าจะเสมอมาสองนัดในทัวร์นาเมนต์นี้ รวมถึงเกมนี้ที่อิรักต้องการชัยชนะเท่านั้น เพื่อการันตีการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของพวกเขา
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทีมชาติไทย คือการฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจหลังจากที่พบเจอกับเกมที่ใช้พลังงานมหาศาล รวมถึงการที่ขึ้นนำออสเตรเลียไปก่อน 1-0 แต่ถูกพลิกกลับมาเอาชนะไป 2-1
แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพของทีม รวมถึงการปลุกใจจาก อากิระ นิชิโนะ ในเกมนี้ ไทยจะสามารถรักษาสถานการณ์ความได้เปรียบและผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของรายการนี้ได้สำเร็จ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า