วันนี้ (25 กันยายน) ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกรมอนามัย กล่าวถึงผลสำรวจอนามัยโพลตั้งแต่วันที่ 1-19 กันยายนที่ผ่านมา พบว่าทุกพฤติกรรมมีแนวโน้มลดลงจากเดือนสิงหาคม คือ การสวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่ปิดหรือคนรวมตัวกันหนาแน่น จากร้อยละ 94.8 เป็นร้อยละ 93.6, การล้างมือจากร้อยละ 88.6 เป็นร้อยละ 87.5 และการเว้นระยะห่าง จากร้อยละ 87.3 เป็นร้อยละ 86.3
สอดคล้องกับความกังวลต่อสถานการณ์โควิดที่มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน จากร้อยละ 82.6 เป็นร้อยละ 80.4 ประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่า มาตรการที่มีความจำเป็นและควรทำต่อไปในระยะเปลี่ยนผ่านโรคโควิดเข้าสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังนั้น ได้แก่ การเฝ้าระวังพฤติกรรมการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ร้อยละ 25.57 รองลงมาคือ การจัดสถานที่ ให้มีอุปกรณ์ล้างมืออย่างเพียงพอ มีการเว้นระยะห่าง และมีการระบายอากาศที่ดี ร้อยละ 22.47, มีการทำความสะอาด และการจัดการด้านสุขาภิบาลสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 20.22 ตามลำดับ
นพ.เอกชัยกล่าวต่อไปว่า แม้ว่าแนวโน้มสถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้มีการดำเนินชีวิตภายใต้มาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ และใส่ใจอนามัยขั้นพื้นฐานของตนเอง
โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสี่ยงสูง กลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว ยังคงต้องหมั่นล้างมือเป็นประจำเมื่อสัมผัสสิ่งของ สวมหน้ากากหากอยู่ในที่ปิดหรือคนรวมตัวกันหนาแน่น หากมีอาการโรคระบบทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่แออัด เพื่อป้องกันการแพร่โรคโควิด