สัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้า (Futures) ที่ในตลาดนิวยอร์กและลอนดอน ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ตึงตัว
สัญญาซื้อขายน้ำตาลทรายขาวล่วงหน้า (White-sugar Futures) ในตลาดลอนดอน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2011 หรือในรอบเกือบ 12 ปี ขณะที่ราคาน้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) ในตลาดนิวยอร์ก ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 หรือในรอบเกือบ 7 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ราคาน้ำตาลพุ่ง! แตะสูงสุดรอบ 6 ปี เหตุอุปทานตึงตัว เสี่ยงดัน Food Inflation ทะยานต่อ
- ‘ทองคำพุ่ง-น้ำมันฟื้น’ แต่สินค้าโภคภัณฑ์อื่นอาจไม่วิ่งขึ้นตามอย่างที่เคยเป็นมา
- ราคาสินค้า ‘อิเล็กทรอนิกส์’ จะแพงขึ้น ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่กดดันให้เกิด ‘ห่วงโซ่อุปทานใหม่’
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำตาลดีดตัวขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนน้ำตาลที่ต้องใช้ส่งมอบ ทั้งๆ ที่ในวันศุกร์นี้ (14 เมษายน) สัญญาซื้อขายน้ำตาลทรายขาว รอบส่งมอบเดือนพฤษภาคม กำลังจะหมดอายุแล้ว
ด้าน John Stansfield นักวิเคราะห์น้ำตาลอาวุโสของ DNEXT Intelligence ระบุว่า จากสถานะคงค้าง (Open Interest) ชี้ให้เห็นถึงการส่งมอบจำนวนมหาศาล มากกว่า 880,000 ตัน อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้ที่มีสถานะ Short กลับไม่มีน้ำตาลจริงๆ
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำตาลยังมาจากแนวโน้มการส่งออกที่ ‘มีจำกัด’ ของผู้ส่งออกรายใหญ่ในอินเดีย และสถานการณ์ด้านอุปทาน ‘ที่ดูไม่ค่อยดี’ จากไทย ยุโรป จีน และเม็กซิโก
ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลทรายขาวรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่การขนส่งกลับถูกควบคุม เนื่องจากโควตาที่ใกล้จะหมดลง
ด้าน Soren Jensen ผู้สังเกตการณ์ในตลาด กล่าวว่า อุตสาหกรรมโรงทำน้ำตาล (Refining Industry) ของอินเดียอาจต้องเปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลทรายดิบที่ผลิตในประเทศไปสู่การนำเข้าในไม่ช้า ซึ่งน่าจะมาจากบราซิล เนื่องจากบราซิลเพิ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต
นอกจากนี้ยัง ‘มีความกังวลมากขึ้นว่าบราซิลอาจส่งออกได้ไม่มากเท่าที่คาดไว้ในช่วงต้นฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องการน้ำตาลของบราซิลอย่างมาก” Jensen กล่าว
มากไปกว่านั้น น้ำตาลก็กำลังเผชิญปัญหาคอขวดในการขนส่งด้วย เนื่องจากต้องพยายามแย่งชิงพื้นที่บนทางรถไฟและที่ท่าเรือกับถั่วเหลืองที่มีผลผลิตมากเป็นประวัติการณ์
อ้างอิง: