วันนี้คือวันบ็อกซิ่งเดย์ (Boxing Day) ที่ไม่ได้แปลว่าวันต่อยมวย (เล่นทุกปี…) แต่หมายถึงวันแกะกล่องของขวัญ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านานของชาวยุโรป
แต่ที่อังกฤษมีความพิเศษมากกว่าชาวบ้าน เพราะเป็นชาติเดียวในโลกที่มีฟุตบอลแข่งขันกันในวันแกะกล่องของขวัญนี้ ลีกชาวโลกเขาจะพักผ่อนมีความสุขกับครอบครัว กินไก่งวง จ้วงขนม ล้อมวงเฮฮาอย่างไรไม่สน ฟุตบอลเมืองผู้ดีจะต้องตะบี้ตะบันเตะกันต่อไปเพื่อรักษาจารีตที่ทำกันมาเป็นร้อยปี (ซึ่งยังดีเพราะสมัยก่อนมีเตะในวันคริสต์มาสด้วยซ้ำ!)
ทีนี้มีหนึ่งประเด็นที่คุยกันสนุกทุกปีสำหรับเรื่องวันคริสต์มาสและบ็อกซิ่งเดย์ นั่นคือเรื่องของ ‘จ่าฝูง’
ทีมที่ได้เป็นจ่าฝูงในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้มีความหมายเท่ากับแชมป์หรือไม่?
(แนะนำให้กดเปิด My Only Wish เพลงใหม่ล่าสุดของ Lisa ประกอบการอ่านบทความเพื่อเสริมบรรยากาศ!)
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คู่ระหว่าง อาร์เซนอล พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในคืนบ็อกซิ่งเดย์ หรือวันที่ 26 ธันวาคม 2022 (ซึ่งเป็นอาร์เซนอลชนะไป 3-1)
ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่คือฤดูกาลที่ 124 ของลีกฟุตบอลอังกฤษ หรือพูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ ฟุตบอลอังกฤษซึ่งเดิมใช้ชื่อแบ่งลำดับชั้นแบบง่ายๆ คือดิวิชัน 1-2-3-4 (หลังจากนี้คือทีมนอกลีก) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1992 นั้น มีจ่าฝูงในวันคริสต์มาสมาแล้ว 124 ครั้ง
โปรแกรมในวันคริสต์มาสนั้นโดยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกับช่วงครึ่งฤดูกาล เหมือนในฤดูกาล 2023/24 นี้ที่ส่วนใหญ่ลงเล่นกันไป 18 นัด และเกมที่ 19 สำหรับเกือบทุกทีมก็คือครึ่งทางของฤดูกาลนี้
ดังนั้น ตำแหน่งจ่าฝูงในวันคริสต์มาสจึงเป็นเหมือน ‘หมุด’ ที่ปักให้เห็นว่านี่คือแชมป์ครึ่งฤดูกาล ซึ่งคำถามที่น่าสนใจต่อไปคือ แล้วแชมป์ครึ่งทางนี้จะกลายเป็นแชมป์ที่แท้จริงหรือไม่ หรือจะเป็นแค่แชมป์ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น?
เรื่องนี้มีสถิติที่น่าสนใจ!
ใน 124 ฤดูกาลของฟุตบอลอังกฤษ ทีมจ่าฝูงในวันคริสต์มาสนั้นจบด้วยการเป็นแชมป์ในบั้นปลาย 56 ครั้ง
คิดเป็นสถิติแล้วเพียงแค่ 45 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ภาพ: Premier League / X
แต่ถ้าเรามองเฉพาะในยุคพรีเมียร์ลีก ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาล 1992/93 เป็นต้นมา ทีมจ่าฝูงในวันคริสต์มาสนั้นคว้าแชมป์มาครองได้ 16 ครั้งด้วยกัน
หรือคิดเป็นสถิติที่ 51.6 เปอร์เซ็นต์
โดยเคยมีช่วงที่จ่าฝูงในวันคริสต์มาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ถึง 4 ปีติดต่อกันถึง 2 ช่วง คือในฤดูกาล 2019/10 จนถึง 2012/13 และอีกครั้งในฤดูกาล 2014/15 จนถึง 2017/18
นอกจากนี้ยังมีอีกช่วงที่จ่าฝูงในวันคริสต์มาสคว้าแชมป์ได้ 3 ปีติดต่อกัน คือ 2004/05 จนถึง 2006/07
ตามพงศาวดารลูกหนังอังกฤษแล้ว ลิเวอร์พูลคือทีมที่เคยครองจ่าฝูงในวันคริสต์มาสมากที่สุดที่ 20 ครั้ง รองลงมาคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองจ่าฝูงพร้อมร้องเพลง Jingle Bells ไปด้วย 18 ครั้ง ส่วนทีมที่ไล่ตามมาคืออาร์เซนอล (9), เอฟเวอร์ตัน (8) และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (6)
ส่วนในยุคพรีเมียร์ลีก ทีมที่ครองแชมป์คริสต์มาสมากที่สุดคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี ซึ่งคว้าแชมป์ในตอนจบฤดูกาลได้ทีมละ 5 สมัย
ความพิเศษสำหรับเชลซีคือการที่พวกเขาเป็นทีมเดียวที่หากเป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาส ก็จะจบฤดูกาลด้วยการเป็นแชมป์ทุกครั้ง!
ทีนี้ก็จะวนมาถึงคำถามสำคัญที่อยู่ในใจของใครหลายคนว่า แล้วทีมจ่าฝูงคริสต์มาสในฤดูกาลนี้อย่างอาร์เซนอลเล่า พวกเขาจะไปจบที่ตรงไหน?
ตามประวัติศาสตร์ของทีมกันเนอร์สแล้ว พวกเขาไม่ใคร่จะถูกชะตากับการเป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาสเท่าไรนัก เพราะ 5 ครั้งหลังสุดที่อาร์เซนอลเคยเป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาสต่อบ็อกซิ่งเดย์ ทุกครั้งจบลงด้วยความช้ำใจอยู่ร่ำไป
โดยครั้งล่าสุดก็คือในฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาได้ครองจ่าฝูงในวันคริสต์มาส แต่สุดท้ายพ่ายแพ้ต่อประสบการณ์และความเก่งจริงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งไล่กวดจนแซงคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างสบายใจ
ครั้งสุดท้ายที่อาร์เซนอลนำจ่าฝูงวันคริสต์มาสและคว้าแชมป์ได้ด้วย ต้องย้อนกลับไปไกลถึงฤดูกาล 1947/48 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี อาร์เซนอลมีตัวอย่างที่ดีให้เห็น นั่นก็คือลิเวอร์พูล ซึ่งก็เคยเจ็บช้ำน้ำใจกับการครองจ่าฝูงในวันคริสต์มาส แต่สุดท้ายวืดแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 4 ครั้ง จนความพยายามมาสำเร็จเอาในครั้งที่ 5 ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งพวกเขาโกยแต้มทิ้งห่างทุกทีมรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนิดที่ไม่ต้องคิดจะไล่ตามกัน
ดังนั้น ถึงการเป็นจ่าฝูงวันคริสต์มาสจะไม่ได้เป็นเครื่องการันตีอะไรได้ว่าสุดท้ายแล้วจะคว้าแชมป์มาครองได้ เพราะฤดูกาลฟุตบอลเป็นการแข่งขันที่มีระยะทางยาวไกล สามารถเกิดจุดพลิกผัน เกิดเกมที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ตลอด
แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการบอกตัวเองได้บ้าง
“ครึ่งทางแล้วเว้ย” เหลืออีกครึ่งทางเท่านั้น! (ใช่ไหมสาวกกันเนอร์สทั้งหลาย โดยเฉพาะที่ THE STANDARD!)
อ้างอิง:
