×

5 สิ่งใหม่ที่จะได้เห็นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2019/20

07.08.2019
  • LOADING...
Premier League 2019/20

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 จะเป็นครั้งแรกที่นำเอาระบบ VAR วิดีโอช่วยตัดสินมาใช้อย่างเป็นทางการ 
  • เป็นฤดูกาลที่เริ่มต้นขึ้นหลัง FIFA เปลี่ยนกฎการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะมีผลต่อรูปแบบการแข่งขันเป็นอย่างมาก 
  • เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเชื่อว่า ผู้ชมจะได้เห็นการลุ้นแชมป์ที่เปิดกว้างขึ้นกว่าพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเวลา 02.00 น. ของเช้าวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นลิเวอร์พูล รองแชมป์​เก่า พบกับนอริช ซิตี้ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด 

 

แต่ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เราไปสำรวจดูถึงความเปลี่ยนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปิดฤดูกาลที่มีทั้งการเปลี่ยนกฎกติกาการแข่งขัน การนำเอาระบบ VAR วิดีโอช่วยตัดสินมาใช้อย่างเป็นทางการในฤดูกาลแรก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการแข่งขันในรูปแบบใดบ้าง ยังไม่มีใครรู้

 

เช่นเดียวกับการแข่งขันสู่ตำแหน่งแชมป์ที่ดุเดือดขึ้นทุกฤดูกาล ส่งผลให้ช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมา มีนักเตะหน้าใหม่หลายคนที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาสร้างผลกระทบให้กับทีมใหม่ของพวกเขา 

 

และนี่คือ 5 สิ่งใหม่ที่เราจะได้เห็นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 

 

VAR วิดีโอช่วยตัดสินอย่างเต็มตัวเป็นฤดูกาลแรก 

 

Premier League 2019/20

 

พรีเมียร์ลีกอังกฤษถือเป็นลีกสุดท้ายใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ที่นำระบบ VAR วิดีโอช่วยตัดสินเข้ามาใช้อย่างเป็นทางการ โดยจะเริ่มต้นใช้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2019/20 นี้ 

 

โดยข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้สำหรับ VAR ส่วนใหญ่มองว่า การใช้งานระบบนี้ บ่อยครั้งในระหว่างการแข่งขันจะทำลายอรรถรสในการรับชมเกมฟุตบอลที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องของเกม 

 

ก่อนที่เราจะตั้งคำถามว่า VAR ส่งเสริมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอย่างไรบ้าง เราจำเป็นต้องแบ่งคำถามเกี่ยวกับระบบ VAR ออกเป็น 2 หัวข้อ 

 

ข้อแรกคือ การหาคำตอบว่า VAR ช่วยให้ผลการตัดสินของกรรมการผู้ชี้ขาดในสนามมีความแม่นยำขึ้นหรือไม่ 

 

ซึ่งจากสถิติของทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA จากศึกฟุตบอลโลกหญิงชี้ว่า ผลการตัดสินทั้งหมด 100% มีทั้งหมด 93.08% ที่ตัดสินอย่างถูกต้องโดยไม่ได้ใช้ VAR แต่หลังจากใช้ VAR สถิติเพิ่มขึ้นเป็น 98.5% ดังนั้น จึงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า VAR ช่วยให้เกมยุติธรรมและลดข้อผิดพลาดของกรรมการผู้ตัดสินได้อย่างชัดเจน 

 

ข้อต่อมาคือ VAR ทำลายความสนุกหรือขัดจังหวะสำคัญของเกมสำหรับแฟนบอลและนักเตะหรือไม่ ซึ่งข้อนี้ยังคงเป็นคำถามที่หลายคนยังให้คำตอบไม่ตรงกัน 

 

เนื่องจากในศึกฟุตบอลเอฟเอคัพระหว่างลิเวอร์พูลกับเวสบรอมฯ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 ผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน ได้กลับคำตัดสินประตูของ เคร็ก ดอว์สัน ที่จะส่งให้เวสบรอมฯ ขึ้นนำลิเวอร์พู​ลในครึ่งแรกไป 3-1 เนื่องจาก อังเดร มาริเนอร์ เจ้าหน้าที่ของพรีเมียร์ลีกในออฟฟิศ VAR ที่กรุงลอนดอน มองว่า แกเร็ธ แบร์รี อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ซึ่งสร้างความสับสนอย่างมากสำหรับทุกฝ่ายในสนามว่าจะดำเนินการกันอย่างไร 

 

รวมถึงการที่ เคร็ก พาวสัน วิ่งไปดูจอของระบบ VAR ที่ข้างสนาม จากจังหวะที่ เจค ลิเวอร์มอร์ เข้าสกัดบอลของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และใช้เวลานานเกือบ 4 นาที กว่าจะตัดสินใจเป่าให้เป็นประตู ซึ่งฝ่ายที่มองว่า VAR จะทำลายเสน่ห์ของฟุตบอลมักจะหยิบยกตัวอย่างนี้มาเป็นสาเหตุที่ยังไม่ปักใจสนับสนุนระบบนี้แบบ 100% 

 

แต่เมื่อเวลาทดสอบระบบผ่านไป เราก็ได้พบว่า ทีมงาน กรรมการ และแฟนบอล มีความคุ้นเคยมากขึ้นกับระบบ จนระยะเวลาการใช้งานระบบ VAR ในศึกฟุตบอลโลกหญิงปี 2019 มีเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 58 วินาที จากการเรียกใช้ VAR รีวิวเหตุการณ์ทั้งหมด 33 ครั้ง 

 

สถิติต่างๆ จากฟุตบอลโลกหญิงปี 2019 ได้ชี้ชัดแล้วว่า VAR สามารถเป็นระบบที่ใช้งานเพื่อช่วยเหลือและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินของกรรมการภายในสนามได้

 

ส่วนปัญหาเรื่องการรบกวนจังหวะสำคัญของฟุตบอลนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เราเห็นได้ว่าทีมงาน VAR และกรรมการผู้ตัดสินสามารถใช้งานระบบ VAR ได้ด้วยเวลาที่น้อยลง ทำให้เชื่อได้ว่า VAR ในฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีกที่มีโอกาสได้ทดสอบและเรียนรู้จากระบบของลีกอื่นๆ ที่เริ่มต้นไปก่อน น่าจะพบเจอกับปัญหาน้อยกว่า

 

กฎกติกาใหม่ของ FIFA 

 

Premier League 2019/20

 

ฤดูกาล 2019/20 FIFA ได้ประกาศใช้กฎใหม่อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกฎกติกามีการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการแข่งขันอย่างน้อย 9 ข้อ 

 

ข้อที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ การห้ามไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายรุกหรือฝ่ายที่ได้ฟรีคิกเข้าไปขัดขวางในกำแพงขณะที่มีการเล่นลูกตั้งเตะ โดยเฉพาะตอนที่มีการตั้งกำแพงไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งนักเตะฝ่ายรุกต้องอยู่ห่างจากกำแพงอย่างน้อย 1 เมตร 

 

Premier League 2019/20

 

โดยการเปลี่ยนแปลงกฎนี้เป็นการป้องกันการถ่วงเวลาและรบกวนกำแพง ที่บางครั้งนำไปสู่การมีปากเสียงกันระหว่างนักเตะทั้ง 2 ทีม 

 

ข้อต่อมาคือ การเปลี่ยนตัวนักกีฬา นักกีฬาที่อยู่ในสนามที่ถูกเปลี่ยนออก จะต้องเดินออกจากจุดไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเดินมาที่เขตเทคนิค และต้องเดินไปยังม้านั่งสำรองหรือห้องแต่งตัวในทันที ไม่เช่นนั้นจะสามารถถูกตัดสินว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬาได้ เพื่อเป็นการป้องกันการถ่วงเวลาอีกเช่นกัน 

 

กฎใหม่นี้ยังส่งผลกระทบต่อทีมงานในม้านั่งสำรองและโซนเทคนิค เมื่อผู้ตัดสินสามารถคาดโทษมอบใบเหลือง ใบแดง ให้กับผู้ฝึกสอนหรือผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ที่ม้านั่งสำรองได้ตามปกติ เหมือนกับผู้เล่นที่อยู่ในสนาม และจะมีการติดโทษแบนเสมือนผู้เล่น

 

Premier League 2019/20

 

ส่วนผู้รักษาประตูนั้นจะต้องปรับตัวเข้ากับกฎใหม่นี้ตรงที่การยิงจุดโทษ ขาของผู้รักษาประตูจะต้องยืนอยู่บนเส้นอย่างน้อย 1 ขาเสมอ 

 

สำหรับนักเตะเองจะได้รับผลกระทบจากกฎแฮนด์บอลรูปแบบใหม่ โดยกฎใหม่นี้ เมื่อลูกบอลสัมผัสถูกมือหรือบริเวณแขนของผู้เล่นฝ่ายที่กำลังรุกอยู่ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จะถือเป็นแฮนด์บอลทุกกรณี แต่กรณีนี้เชื่อว่า จะยังคงเกิดข้อถกเถียงขึ้นในแต่ละสถานการณ์ที่มีความแตกต่างกันออกไป

 

นอกจากนี้ในกฎใหม่ของ FIFA จะไม่มีการดรอปบอลอีกต่อไปในสถานการณ์ที่ต้องเริ่มต้นเกมใหม่ จากที่ก่อนหน้านี้กรรมการจะดรอปบอลให้ 2 ฝ่าย แย่งกันหรือตัดสินใจเตะบอลให้อีกฝั่งแบบสมัครใจ ในกฎใหม่นี้ฝ่ายที่ครองบอลอยู่ก่อนเกมหยุดจะได้เป็นฝ่ายได้เริ่มเล่นต่อ หลังจากกรรมการเป่าให้เริ่มต้นใหม่ 

 

น้องใหม่พรีเมียร์ลีก 

 

Premier League 2019/20

 

พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่นี้ ทีมที่ขึ้นชั้นมาต่างก็เป็นทีมที่เคยมีโอกาสโลดแล่นในลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษมาแล้ว แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยว่าพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดจากลีกที่ดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่งในโลกฟุตบอลได้ หรือจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นม้ามืด ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายหรือไม่ 

 

นอริช ซิตี้ 

ทีมที่ขึ้นชั้นมาจากการคว้าแชมป์ลีกรองของอังกฤษ เป็นการขึ้นชั้นมาครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยมี เตมู ปุ๊กกี้ ที่ทำผลงานเป็นดาวยิงสูงสุดของลีกที่กดไป 29 ประตูในฤดูกาลที่แล้ว เป็นขุมกำลังสำคัญในการช่วยให้พวกเขาลุ้นอยู่ต่อในลีกสูงสุดของอังกฤษต่อไป 

 

แอสตัน วิลลา 

 

Premier League 2019/20

 

นับเป็นทีมที่มีศักยภาพสูงสุดจาก 3 ทีม แม้จะขึ้นชั้นมาด้วยการเพลย์ออฟ เอาชนะทีมดาร์บีฯ ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือที่ย้ายมาคุมเชลซีในฤดูกาลนี้ไป 2-1 เป็นทีมที่มีความลงตัวของผู้เล่นทั้งในเกมรุกจาก แจ็ค กรีลิช กองกลางผู้บัญชาการเกมรุกของทีม ที่โดดเด่นจนเป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกหลายทีม  

 

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด  

ทีมที่ขึ้นชั้นมาแบบอัตโนมัติในอันดับที่ 2 ของลีกแชมเปี้ยนชิป สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเชฟฟิลด์ฯ คือเป็นทีมที่ใช้งบประมาณเสริมทัพน้อยที่สุดจาก 3 ทีมที่ขึ้นชั้นมา โดยจากรายงานของสโมสรเชฟฟิลด์ฯ พวกเขาใช้เงินเสริมทัพไปทั้งหมด 8.6 ล้านปอนด์ แต่ก็สามารถพาทีมขึ้นชั้นมาได้สำเร็จในอันดับที่ 2 ขณะที่แอสตัน วิลลาใช้เงินไป 99.6 ล้านปอนด์ ส่วนนอริช ซิตี้ แชมป์ลีกรอง ใช้เงินไป 40.7 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลาเดียวกัน  

 

นักเตะใหม่ของพรีเมียร์ลีก 

 

Premier League 2019/20

 

นิโคลัส เปเป้ คือนักเตะที่สร้างสถิติค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอาร์เซนอล และเป็นนักเตะที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะของพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ 

 

ดาวเตะทีมชาติไอวอรี โคสต์วัย 24 ปี ที่สามารถลงเล่นได้ทั้งตำแหน่งศูนย์หน้าและปีกขวา โดยมีจุดเด่นที่การเลี้ยงตัดเข้าในและยิงด้วยเท้าซ้าย ซึ่งด้วยความเร็ว ผลงานรองดาวยิงสูงสุดของลีกเอิง เชื่อว่า เปเป้จะเป็นผู้ที่สร้างสีสันและความตื่นเต้นให้กับชาวเดอะกันเนอร์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว  

 

คริสเตียน พูลิซิช เป็นนักเตะคนเดียวที่ย้ายมาร่วมทีมเชลซีในตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้ ก่อนที่เชลซีจะถูกจะยูฟ่าระงับการซื้อขายนักเตะทั้งหมด 2 ตลาดซื้อขายนักเตะในระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากกระทำผิดกฎของฟีฟ่า 

 

ตัวรุกดาวรุ่งวัย 20 ปี สัญชาติอเมริกันเจ้าของฉายา นิวมาร์โก รอยส์ จะเข้าทำหน้าที่แทน เอเดน อาซาร์ ที่ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริดในตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งจากสถิติในวัยเพียง 20 ปีที่ลงสนามให้กับดอร์ทมุนด์ในบุนเดสลิกา เยอรมนีไปแล้วทั้งหมด 76 นัด และยิงไปแล้ว 10 ประตู ทำให้พูลิซิชน่าจะเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของฤดูกาลนี้ได้ 

 

โรดรี้ เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า 2 สมัยล่าสุด คว้าตัวมาร่วมทีมในตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้ ซึ่งจากสถานการณ์ในฤดูกาลที่แล้วที่เกือบทำให้แชมป์ลีกหลุดมือไปจากทีมเรือใบสีฟ้าคือ การที่ทีมสูญเสีย เฟอร์นานดินโญ กลางรับชาวบราซิล ให้กับอาการบาดเจ็บ ดังนั้น โรดรี้ จึงนับเป็นอะไหล่ชิ้นสำคัญของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ในฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น  

 

แชมป์ใหม่ในรอบ 3 ปี? 

 

Premier League 2019/20

 

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะกลับมา อาร์เซนอล, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, เชลซี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น… แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าตัวแม็กไกวร์ไปได้ เราจะมีผู้ท้าชิงแชมป์หลายทีมในครั้งนี้” 

 

เป็นบทสัมภาษณ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ที่ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังเอาชนะการดวลจุดโทษกับลิเวอร์พูลไป 5-4 และคว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ชิลด์ไปครอง  

 

ถึงจุดนี้ แฟนบอลหลายคนอาจมองว่า เป๊ปโยนแรงกดดันให้กับทีมต่างๆ ที่เขาระบุชื่อมา เนื่องจากทุกทีมที่เป๊ปกล่าวถึง ได้มีการเสริมทัพกันอย่างดุเดือด ไล่ตั้งแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ปรับทีมด้วยการดึงทั้ง อารอน วาน บิสซากา และ แฮร์รี แม็กไกวร์ เข้ามาขันน็อตเกมรับ และดึงเอา แดเนียล เจมส์ เข้ามาสร้างความตื่นเต้นในเกมรุกริมเส้น ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเสริมทัพในจุดที่ทีมต้องการแก้ไขมาเป็นเวลานาน 

 

ขณะที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ก็ทำสถิติใหม่ของสโมสร ด้วยการคว้าตัว ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล กองกลางจากโอลิมปิก ลียงมาครอง ด้วยค่าตัว 53.7 ล้านปอนด์ สร้างสถิตินักเตะมูลค่าสูงสุดที่สโมสรคว้าตัวมา และยังเป็นการปาดหน้า เป๊ป กวาร์ดิโอลา จนทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ต้องไปคว้าตัว โรดรี้ จากแอตเลติโก มาดริดมาแทน 

 

เช่นเดียวกับอาร์เซนอลที่เสริมทัพในเกมริมเส้นด้วยการดึงตัว นิโคลัส เปเป้ แต่ในด้านของเกมรับที่ยังคงใช้งานชุดเดิม ก็สร้างความกังวลใจให้กับแฟนบอลได้ไม่น้อย 

 

จะมีเพียงแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูล ที่เสริมทัพกันชนิดที่ทำให้แฟนบอลของทั้ง 2 สโมสรบางคนตั้งคำถามว่า หากไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่ ทีมจะสามารถรักษามาตรฐานในการแข่งขันระดับที่สูงขึ้นทุกปีได้มากแค่ไหน 

 

แต่เชื่อมั่นได้ว่า ด้วยศักยภาพของทีมแชมป์และรองแชมป์ที่มีอยู่ในเวลานี้ บวกกับสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ได้พิสูจน์ความสำเร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว จะยังทำให้พวกเขาเป็นทีมเต็งที่จะกลับมารักษาตำแหน่งท็อป 2 หลังจบฤดูกาล 

 

แต่สำหรับฟุตบอลที่กำลังเริ่มต้นขึ้นใหม่ เหมือนกับการแข่งขันทุกอย่างที่สามารถยึดโยงกับประโยคเดิมได้ตลอดว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน 

 

นั่นคือสิ่งที่เรารู้ตอนนี้ แต่สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ แชมป์ในฤดูกาลหน้าจะเป็นใคร ทางเดียวที่เราจะรู้ได้คือ หลังจากการแข่งขันในสนามผ่านพ้นไปทั้งหมด 34,200 นาที จาก 380 นัด ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 02.00 น. เช้ามืดของวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคมนี้  

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising