วันนี้ (26 มีนาคม) นพ.โสภณ เมฆธน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 แถลงข่าวกรณีมีผู้เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าจากกรณีมีคนเสียชีวิตด้วยสาเหตุเส้นเลือดในช่องท้องโป่งพองและแตก ทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้หลังฉีดวัคซีนเรามีระบบติดตามหลังฉีดไปแล้ว 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 1 วัน, 3 วัน, 7 วัน และ 30 วันหลังได้รับวัคซีน ทำให้เราสามารถตรวจจับเหตุการณ์นี้ได้
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจึงมีการสอบสวนว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากอะไร ในฐานะแพทย์มั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่ต้องรอฟังคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
เปรียบเหมือนข่าวต่างประเทศ ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นเขาจะต้องไปตรวจและสอบสวน เช่น มีผู้เสียชีวิตที่อายุมากหลังฉีดวัคซีน แต่สอบสวนแล้วพบว่าเป็น Coincidence หรือเหตุบังเอิญ
“ผมเองค่อยข้างมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เราค่อนข้างมั่นใจในวัคซีน 2 ตัวที่เรามี” นพ.โสภณกล่าว
ขณะที่ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ส่งรายงานเบื้องต้นมาเมื่อเช้า พบว่ากรณีนี้เป็นผู้ป่วยชาย มีโรคประจำตัวคือโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ได้รับการผ่าตัดช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และอยู่โรงพยาบาลหลังผ่าตัด 40 วัน โดยหลังกลับบ้าน 1 สัปดาห์ ได้ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม
โดยผู้ป่วยรายนี้รายงานผลวันที่ 1 และวันที่ 3 หลังฉีดวัคซีนว่าปกติดี แต่วันที่ 7 ติดต่อไม่ได้ ต่อมาพบว่าวันที่ 9 หลังฉีดวัคซีนมีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ เป็นลม และอาการทรุด โดยวันที่ 13 มีนาคมได้เสียชีวิตลง โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากเส้นเลือดในช่องท้องโป่งพองและแตกทำให้เสียชีวิต สรุปว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน และยืนยันว่าวัคซีนไม่ได้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยรายนี้เสียชีวิต
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล