×

ประยุทธ์เผย 3 ความสำเร็จหลังฟื้นสัมพันธ์ซาอุ ท่องเที่ยว-ส่งออกไก่-แรงงาน เตรียมยกระดับทางการทูตแบบปกติ

โดย THE STANDARD TEAM
21.03.2022
  • LOADING...
ประยุทธ์เผย 3 ความสำเร็จหลังฟื้นสัมพันธ์ซาอุ ท่องเที่ยว-ส่งออกไก่-แรงงาน เตรียมยกระดับทางการทูตแบบปกติ

วันนี้ (21 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยรายละเอียดความคืบหน้าหลังไทยและซาอุดีอาระเบียได้ฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันเมื่อช่วงต้นปีว่า นับจากวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในรอบกว่า 30 ปีของสองราชอาณาจักร คือไทยและซาอุดีอาระเบีย ที่ได้พลิกฟื้นความสัมพันธ์กลับมาสู่ในระดับปกติ พร้อมที่จะสานต่อและขยายผลความสำเร็จร่วมกันในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้เพียง 50 วัน ก็ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง ตามที่ได้กำชับและสั่งการไว้อย่างน้อย 3 เรื่อง คือ

 

เรื่องแรก คือ ‘การเดินทางท่องเที่ยว’ โดยเราได้มีโอกาสต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบิน Saudia Airlines จากเมืองเจดดาห์ กรุงริยาด มาสู่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28 กุมภาพันธฺ์ 2565 เป็นเที่ยวบินแรกในรอบ 32 ปี เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงานและความกระตือรือร้นของทุกฝ่าย พิสูจน์ว่าไทยเป็นจุดหมายที่ชาวซาอุดีอาระเบียต้องการมาเยือน โดยฝ่ายไทยได้ให้การต้อนรับมิตรผู้มาเยือนกลุ่มแรกนี้ด้วยของที่ระลึก การแสดงโขน และอุโมงค์น้ำ (Water Salute) ที่เป็นสัญลักษณ์สากล และหลังจากนี้เป็นต้นไปสายการบิน Saudia Airlines จะทำการบินมายังประเทศไทย 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (วันจันทร์, พุธ, ศุกร์) และนักท่องเที่ยวคุณภาพจากซาอุดีอาระเบียและชาวตะวันออกกลางจะสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ทั้งแหล่งการค้าการลงทุน ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แหล่งช้อปปิ้ง ทั้งเมืองหลักและเมืองรองต่างๆ ทั่วประเทศไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง 

 

เรื่องที่สอง คือ ‘การส่งออกอาหาร’ ที่ทางการซาอุดีอาระเบียได้บรรลุข้อตกลงให้ไทยส่งออกไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป จาก 11 โรงงานไทยไปที่ซาอุดีอาระเบีย มีผลทันทีตั้งแต่ 13 มีนาคมนี้ ใช้เวลาทำงานร่วมกันเพียง 47 วัน โดยองค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย (Saudi Food and Drug Authority: SFDA) เป็นผู้พิจารณาโรงงานไทยที่ผ่านมาตรฐาน โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยส่วนใหญ่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นทางจนถึงปลายทางแบบครบวงจร ตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มไก่เนื้อ ไปจนถึงโรงงานแปรรูป โดยเฉพาะฟาร์มไก่ ซึ่งหมายรวมถึงฟาร์มของเกษตรกรภายใต้พันธสัญญากับบริษัท (Contract Farming) ด้วย จึงส่งผลดีต่อทั้งรายใหญ่ รายย่อย และตลอดห่วงโซ่อุปทานของไทย ที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยจะเกิดการขยายผลไปสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไก่ และต่อยอดไปยังอาหารฮาลาล ผัก ผลไม้ และอื่นๆ ต่อไป

 

เรื่องที่สาม คือ ‘การส่งแรงงานไทยไปซาอุดีอาระเบีย’ ที่พี่น้องหลายคนให้ความสนใจและติดตามข่าว ก็มีความคืบหน้าไปมาก และจะนำไปสู่การลงนามข้อตกลงระหว่างกันในวันที่ 28 มีนาคมนี้ เป็นอีกผลงานที่ใช้เวลาเพียง 2 เดือนเศษเท่านั้น โดยคณะผู้แทนทางวิชาการซาอุดีอาระเบียมีความพอใจในความพร้อมของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงานของไทย ซึ่งมีการจัดตั้งเป็น ‘ศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน’ สาขางานบริการโรงแรม พนักงานบริการห้องพัก และการประกอบอาหารฮาลาล เป็นต้น อีกทั้งแสดงความต้องการแรงงานในสาขาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี พ่อครัว และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ / สาธารณสุข (Medical Staff) อีกด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าแรงงานไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 10,000 คนในปัจจุบัน เป็น 50,000 คนภายในระยะ 3 ปี และเพิ่มอีกเป็น 100,000 คนภายใน 5 ปี จะสร้างรายได้ส่งกลับประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2,250-4,500 ล้านบาทต่อปี โดยได้กำชับในเรื่องหลักสูตร การฝึกอบรม มาตรฐานฝีมือแรงงาน จะต้องตรงกับความต้องการจ้างงานและได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้จ้าง เป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่องและยั่งยืน สิ่งที่สำคัญคือ ยังได้สั่งการให้ดูแลสวัสดิการของพี่น้องแรงงานที่จะไปซาอุดีอระเบียให้ครบถ้วน ไม่ให้บริษัทใดมีการหลอกลวงเป็นอันขาด ทั้งค่าจ้าง ที่อยู่ อาหารการกิน ประกันภัย ไปจนถึงโอกาสในความก้าวหน้า โดยรัฐบาลจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน 

 

พล.อ. ประยุทธ์เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้แล้วยังเฝ้าติดตามและกำกับดูแลความคืบหน้าในด้านอื่นๆ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะการยกระดับผู้แทนทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศ จาก ‘อุปทูต’ ให้กลับมาเป็นระดับ ‘เอกอัครราชทูต’ ดังเดิม ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือ ทั้งส่วนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนต่อไป ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในหลายเรื่อง เช่น การเปิดประตูการค้ากับซาอุดีอาระเบียให้กลับไปที่ 2.2% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ดังเช่นในอดีตเมื่อปี 2532 ซึ่งจะสร้างความสมดุลมากขึ้น รวมทั้งความร่วมมือเรื่อง ‘พลังงาน’ ที่จะสามารถช่วยในเรื่องค่าครองชีพ ต้นทุน และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงโอกาสในด้านอื่นๆ อีกมหาศาลที่จะเกิดขึ้นจากความสำเร็จในการสานสัมพันธ์ในครั้งนี้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising