×

ประยุทธ์ นำรัฐมนตรีไปเพชรบูรณ์ Kick Off โอนเงินช่วยเหลือชาวนาภาคเหนือ 8 แสนราย วงเงินกว่า 1 หมื่นล้าน

โดย THE STANDARD TEAM
24.11.2022
  • LOADING...

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) เมื่อเวลา 12.40 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดเพชรบูรณ์

 

ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ที่เป็นประธานในพิธี Kick Off มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ขอบคุณผู้นำชุมชน เกษตรกร และประชาชนทุกคนด้วยใจจริง ถึงแม้จะได้มาตรวจราชการและติดตามงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาไม่เคยผิดหวัง ทุกคนมีความรักความสามัคคีกันดีมาก 

 

พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของเกษตรกรมาตลอด อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นในการดูแลให้มีความมั่นคงทางรายได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงมีนโยบายในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและรายได้ของชาวนา โดยผลักดันการจัดทำแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เพื่อบริหารจัดการข้าวให้ ‘ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าว และผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก’ เพื่อการก้าวไปสู่เกษตรมูลค่าสูงภายใต้ BCG Model สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนแผนอื่นๆ และนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการทำเกษตร ดังนั้นเกษตรกรต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถทำการเกษตรได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน

 

พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุข โดยกำหนดเป้าหมายให้ชุมชนชาวนาเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา และสร้างเครือข่ายขยายผลรวมกลุ่มเป็นชุมชนข้าว เพื่อพัฒนาการผลิตข้าวและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์ข้าวชุมชน (ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน) ชุมชนแปลงขยายพันธุ์ข้าว ชุมชนข้าวแปลงใหญ่และชุมชนข้าวอินทรีย์ ตลอดจนการพัฒนาชาวนาในชุมชนข้าวให้เป็นชาวนาปราดเปรื่อง ปราชญ์ชาวนา และชาวนารุ่นใหม่ไปพร้อมๆ กัน

 

พล.อ. ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ยังมีการแพร่ระบาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวทั้งเชิงบวกและเชิงลบนั้น อาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ รวมทั้งพยายามสร้างโอกาสเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพให้เข้มแข็ง 

 

“ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนมีการปรับตัว ปรับแนวคิด ให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG Model ลดการใช้สารเคมี เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร รวมถึงการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาปรับใช้อย่างเหมาะสมด้วย เมื่อสามารถบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลงได้ จะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย เป็นต้น” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว

 

นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงนโยบายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) ที่ได้ริเริ่มการสร้างชุมชนต้นแบบ การออกแบบโครงสร้างเชิงพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้เป็นกระดูกสันหลังที่ตั้งตรง แข็งแรง มีรอยยิ้ม 

 

พร้อมเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อดูแลประชาชน โดยขอให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจในการอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นดินแดนแห่งสันติใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารและสังคมพหุวัฒนธรรม มีความรักความสามัคคีกันโดยไม่แตกแยก

 

ในตอนท้าย พล.อ. ประยุทธ์กล่าวขอบคุณ ธ.ก.ส. ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการดูแลเกษตรกรผ่านโครงการและมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เป็นอย่างดี และขอให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและเติบโต พร้อมเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงมาตรการการช่วยเหลือของภาครัฐ และองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน

 

จากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ทำพิธีกดปุ่มโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวฯ ในกลุ่มภาคเหนือ รวม 804,017 ราย วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการโอนเงินไปยัง ธ.ก.ส. สาขาทั่วประเทศเพื่อเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง

 

ต่อจากนั้น พล.อ. ประยุทธ์เป็นประธานสักขีพยานในการมอบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวฯ โดยผู้แทนเกษตรกรนำสมุดบัญชีเงินฝากมาบันทึกรายการ เพื่อปรับยอดเงินที่ได้รับจากการโอนเงินในโครงการฯ ตามกรอบงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 

 

ทั้งนี้ เป็นการโอนเงินงวดแรกตามมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไปยังชาวนาทั่วประเทศ จำนวน 14,531 ล้านบาท จากเป้าหมายรวม 81,265 ล้านบาท ผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 

 

พร้อมมาตรการคู่ขนาน โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ที่เกษตรกรไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แล้วยังได้รับเงินช่วยเหลือค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกอีก 1,500 บาทต่อตัน และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2565/66 วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% มุ่งเป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านครัวเรือน

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising