×

ครบ 6 ปี คสช. พลเอก ประยุทธ์ หัวหน้าคณะรัฐประหารที่เป็นนายกฯ นานกว่า จอมพล สฤษดิ์

22.05.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • พลเอก ประยุทธ์ ถือเป็นผู้นำคณะรัฐประหารคนที่ 5 ที่ยึดอำนาจเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
  • ครบ 6 ปีการรัฐประหารโดย คสช. การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ ได้ทำลายสถิติของจอมพล สฤษดิ์ ไปแล้ว
  • จุดจบของหัวหน้าคณะรัฐประหารที่เป็นนายกรัฐมนตรีล้วนแตกต่างกัน บางคนลงเอยเป็นทรราช ต้องลี้ภัยและถูกยึดทรัพย์

24 สิงหาคม 2557 ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

 

พลเอก ประยุทธ์ ถือเป็นผู้นำคณะรัฐประหารคนที่ 5 ที่ยึดอำนาจเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง และปัจจุบันก็ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการมาครบ 4 ปีเต็ม

 

THE STANDARD ขอพาย้อนอดีตสำรวจที่มาและจุดจบของหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 คน

 

ภาพ: นิตยสารศิลปวัฒนธรรม

 

พระยาพหลพลพยุหเสนา

5 ปี (2476-2481)

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะราษฎรได้ประมาณ 1 ปี เกิดภาวะแตกร้าวทางการเมืองอย่างรุนแรงระหว่างแกนนำคณะราษฎรกับรัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย

 

พระยามโนปกรณนิติธาดาทำการออกพระราชกฤษฎีกาปิดสภา ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และงดใช้รัฐธรรมนูญเกือบทั้งฉบับเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2476

 

พระยาพหลพลพยุหเสนาจึงร่วมกับคณะทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน โดยมีท่านเป็นหัวหน้าทำการเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ และถือเป็นการรัฐประหารครั้งแรกในประเทศไทย

 

จากนั้นพระยาพหลพลพยุหเสนาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2476-2481 รวม 5 ปี ก่อนประกาศยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2481

 

ภาพ: thethaiger.com

 

จอมพล ป. พิบูลสงคราม

10 ปี 5 เดือน (2491-2500)

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถือเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดของไทย โดยแบ่งการครองตำแหน่งออกเป็นสองยุค ยุคแรกเกือบ 6 ปี (16 ธันวาคม 2481 ถึง 1 สิงหาคม 2487)

 

ส่วนยุคที่สอง หลังจอมพล ป. พิบูลสงคราม หมดสถานะทางการเมืองไปกว่า 3 ปี คณะรัฐประหาร นำโดย พลโท ผิน ชุณหะวัณ ล้มรัฐบาลพลเรือนของพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 และในวันเดียวกัน คณะรัฐประหารได้เชิญ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มาเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร

 

การเป็นนายกฯ ยุคที่สองของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งยาวนานต่อเนื่องถึง 10 ปี 5 เดือน (8 เมษายน 2491 ถึง 16 กันยายน 2500) อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นสวยงาม

 

ในช่วง 4 ปีแรก จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเจอกับคณะกบฏถึง 3 คณะ เริ่มจาก ‘กบฏเสนาธิการทหาร’ ช่วงเดือนตุลาคม 2491 แต่แผนรั่วไหลก่อน

 

ปีถัดมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2492 ‘กบฏวังหลวง’ ต้องการล้มรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อฟื้นฟูรัฐบาลพลเรือนพลเรือตรี ถวัลย์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้แก่จอมพล ป. พิบูลสงคราม

 

อีก 2 ปีต่อมา 29 มิถุนายน 2494 นายทหารเรือจับตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นตัวประกันระหว่างพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนชื่อ ‘แมนฮัตตัน’ ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบให้รัฐบาลไทย โดยทหารเรือใช้ปืนกลจี้บังคับให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปลงเรือเปิดหัวที่เตรียมไว้ แล้วนำไปยังเรือหลวงศรีอยุธยาและคุมขังไว้ที่นั่น แต่สุดท้ายฝ่ายทหารเรือก็พ่ายแพ้ และเหตุการณ์นี้ถูกเรียกขานต่อมาว่า ‘กบฏแมนฮัตตัน’

 

ปลายปีเดียวกัน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ทำการรัฐประหารตนเอง (29 พฤศจิกายน 2494) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 อีกครั้ง

 

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ครองอำนาจยาวนานถึงปี 2500 ก่อนจะถูกนายทหารรุ่นน้องคนสนิท จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจจนต้องลี้ภัยผ่านกัมพูชาไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอยู่ที่นั่น

 

ภาพ: thainationhistory.blogspot.com

 

จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

4 ปี (2502-2506)

หลังรัฐประหาร 16 กันยายน 2500 จอมพล สฤษดิ์ ได้ตั้งนายพจน์ สารสิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลนายพจน์ สารสิน ได้จัดการเลือกตั้งโดยรวม ส.ส. ประเภทแต่งตั้งและเลือกตั้งผลักดันพลโท ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี

 

ต่อมาได้เกิดความวุ่นวายจากความขัดแย้งระหว่างสมาชิกพรรคที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับรัฐมนตรีขึ้น พลโท ถนอม ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

 

จอมพล สฤษดิ์ จึงร่วมมือกับพลโท ถนอม ยึดอำนาจรัฐบาลพลโท ถนอม และจอมพล สฤษดิ์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 11 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2502 หลังการทำรัฐประหารรัฐบาลจอมพล ถนอม

 

ในการปกครองและการบริหารประเทศ จอมพล สฤษดิ์ ได้ประกาศว่า “ข้าพเจ้าขอรับผิดแต่ผู้เดียว” ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่มีกลไกควบคุมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเบ็ดเสร็จตามมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2502 สามารถใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการได้เอง

 

นายกฯ เจ้าของฉายา ‘จอมพลผ้าขาวม้าแดง’ นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของคนไทย เพราะมีการใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อจัดการความสงบเรียบร้อยของประเทศ เช่น ประหารชีวิตเจ้าของบ้านทันทีหลังจากบ้านใดเกิดเพลิงไหม้ เพราะถือว่าเป็นการก่อความไม่สงบ โดยอาศัยอำนาจทางกฎหมายเบ็ดเสร็จ มาตรา 17 ที่เขียนขึ้นมาเอง

 

จอมพล สฤษดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 2502-2506 รวม 4 ปี ก่อนถึงอสัญกรรมในวัยเพียง 55 ปี ถือเป็นนายกฯ คนเดียวที่ถึงแก่อสัญกรรมระหว่างดำรงตำแหน่ง

 

ภาพ: thaipublica.org

 

จอมพล ถนอม กิตติขจร

10 ปี 6 เดือน (2501 และ 2506-2516)

จอมพล ถนอม กิตติขจร ถือเป็นแกนนำคณะทหารร่วมกับจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

 

โดยเมื่อจอมพล สฤษดิ์ ถึงแก่อสัญกรรมในวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2506 ถัดไปเพียงข้ามวัน 9 ธันวาคม พลเอก ถนอม (ยศในเวลานั้น) ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นการครองอำนาจต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นของคณะรัฐประหาร 16 กันยายน 2500

 

เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 คณะทหารได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นชื่อว่า ‘พรรคสหประชาไทย’ โดยมีจอมพล ถนอม เป็นหัวหน้าพรรค

 

โดยผลการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยได้ ส.ส. มากเป็นอันดับ 1 แม้จะไม่มากเกินครึ่งของ ส.ส. ทั้งหมด แต่ก็สามารถผนวก ส.ส. จากพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาลได้ และจอมพล ถนอม ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ อีกสมัยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2512

 

แต่จากนั้นจอมพล ถนอม ก็ทำการรัฐประหารรัฐบาลตนเองเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 ก่อนจะพบจุดจบทางการเมืองในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

 

หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ จอมพล ถนอม ลี้ภัยไปอยู่บอสตัน สหรัฐอเมริกา จากนั้นรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ใช้อำนาจมาตรา 17 ตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 ยึดทรัพย์จอมพล ถนอม รวมมูลค่า 22,196,893.50 บาท รวมถึงยึดทรัพย์ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร มูลค่ารวม 51,102,096.50 บาท

 

อย่างไรก็ตาม จอมพล ถนอม พยายามต่อสู้เรื่องการยึดทรัพย์และพยายามเดินทางกลับประเทศไทย

 

การเดินทางกลับประเทศไทยครั้งแรกคือเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2517 โดยอ้างว่ามาดูแลพ่อที่ป่วยหนัก แต่ก็อยู่ประเทศไทยได้แค่ 3 วัน ก่อนจะถูกต่อต้านจนต้องไปอยู่สิงคโปร์

 

จากนั้นปี 2519 จอมพล ถนอม ในวัย 65 ปีได้บวชเป็นเณรที่สิงคโปร์แล้วเดินทางเข้าประเทศไทยเพื่ออุปสมบทที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวรเป็นพระอุปัชฌาย์และมีราชเลขาธิการอัญเชิญผ้าไตรพระราชทาน

 

การบวชพระของจอมพล ถนอม เป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดเหตุการณ์สังหารนิสิต-นักศึกษา 6 ตุลาคม 2519

 

ขณะที่จอมพล ถนอม บวชอยู่ได้เพียง 5 เดือนก็สึก และพำนักอยู่ในประเทศไทยจนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2547 ขณะอายุเกือบครบ 93 ปี

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ครบ 4 ปี (2557 ถึงปัจจุบัน)

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

 

ก่อนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ตนเองเป็นผู้แต่งตั้งมีมติเอกฉันท์ให้พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ถือเป็นผู้นำคณะรัฐประหารคนที่ 5 ที่ยึดอำนาจเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง

 

พลเอก ประยุทธ์ ปกครองประเทศด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 โดยมีมาตรา 44 รวบอำนาจทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการให้อยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จเหมือนเช่นมาตรา 17 ของจอมพล สฤษดิ์

 

ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งร่างขึ้นโดยกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ คสช. เป็นผู้แต่งตั้งกำหนดให้ ส.ว. ทั้งหมด 250 คนมาจากการแต่งตั้งโดย คสช. และมีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี

 

รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ เลื่อนการเลือกตั้งมาหลายครั้งโดยอ้างโรดแมปซึ่งถูกกำหนดไว้โดยกฎหมายที่ตนเองเขียนขึ้นและการลงมติของสมาชิก สนช. ซึ่งก็มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ทั้งหมดเช่นกัน

 

หมุดหมายล่าสุดของการเลือกตั้งคือ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ขณะที่ช้าที่สุดคือ 5 พฤษภาคม 2562 ท่ามกลางกระแสข่าวการดูดอดีต ส.ส. กลุ่มต่างๆ ในหลายพื้นที่ของพรรคทหาร รวมถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไปหลังการเลือกตั้ง

 

ถ้าไม่มีอภินิหารทางกฎหมายใดๆ เกิดขึ้นอีก พลเอก ประยุทธ์ จะหยุดสถิติหัวหน้าคณะรัฐประหารที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองไว้ที่ 4 ปีเทียบเท่าจอมพล สฤษดิ์

 

แต่อนาคตทางการเมืองของพลเอก ประยุทธ์ คงไม่หยุดที่ตรงนี้ ขณะที่ความชัดเจนอย่างเป็นทางการจะออกจากปากของเขาตามที่ลั่นวาจาไว้ว่า ‘เดือนกันยายนนี้’ เขาจะประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตนเอง

 

22 พฤษภาคม 2563 ครบ 6 ปีการยึดอำนาจโดย คสช. สังคมไทยยังอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนเดิมคือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้การกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 จะพูดได้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจัดการเลือกตั้ง แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนซึ่งมีอำนาจร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พลเอก ประยุทธ์ กลับมาได้อีกครั้ง

 

และตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ส.ว. แต่งตั้งมีวาระร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้ถึง 5 ปี เท่ากับมีโอกาสร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้อย่างน้อยถึง 2 ครั้ง นี่คือต้นทุนทางการเมืองของพลเอก ประยุทธ์ ที่ทำให้มีโอกาสขยายสถิติการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • วิทยานิพนธ์: รัศมี ชาตะสิงห, บทบาทของพลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในระยะหกปีแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2476-2481)
  • การสัมมนา จอมพล ป. พิบูลสงคราม กับการเมืองไทยสมัยใหม่
  • wiki.kpi.ac.th/index.php?title=จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์

 


 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X