วันนี้ (19 กันยายน) ที่จังหวัดหนองคาย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, ชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค, ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค, พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, วราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค, พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค, กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส. จังหวัดหนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดหนองคาย ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก
พล.อ. ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนพร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรค และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภา โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้านก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย
ทั้งนี้ จากสภาพอากาศเชื่อว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัยเป็นนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ. ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชนและเกษตรกรมีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต สะท้อนภาพจำของ ‘ลุงป้อม’ ที่มีต่อประชาชน เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม
จากนั้น พล.อ. ประวิตร นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) และชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงวิกฤตนี้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ ทั้งการแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือ พัฒนาโครงการเพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต