×

ศาลพิพากษาจำคุก ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ 1,155 ปี ปรับ 145 ล้านบาท ฐานร่วมหลอกลวงลงทุนซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมเสียหายกว่าพันล้าน

โดย THE STANDARD TEAM
03.07.2023
  • LOADING...
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก

วันนี้ (3 กรกฎาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชนหมายเลขดำ อ.1837/2564 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท วีเลิฟยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด จำเลยที่ 1, พันตรีหญิง แพทย์หญิงอมราภรณ์ วิเศษสุข จำเลยที่ 2, บริษัท เหนือโลก จำกัด โดย ประสิทธิ์ เจียวก๊ก กรรมการผู้จัดการ ในฐานะนิติบุคคล จำเลยที่ 3, ประสิทธิ์ เจียวก๊ก อดีตประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน จำเลยที่ 4, กิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ จำเลยที่ 5, ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม จำเลยที่ 6, บริษัท เอ็ม โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด โดย สิริมา เนาวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ จำเลยที่ 7, สิริมา เนาวรัตน์ จำเลยที่ 8 และ กิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ จำเลยที่ 9 

 

ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ตามลำดับในฐานความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11, 12 และ 15, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และ 14(1), ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 341 และ 343 และให้พวกจำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้รับคืน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

 

คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 – 19 เมษายน 2564 พวกจำเลยได้ร่วมกันและแยกกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ด้วยการหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จโดยการโฆษณาชักชวนประชาชนมาร่วมลงทุนซื้อขาย ฝากขายสินค้าแบรนด์เนม เช่น Louis Vuitton, Chanel, Hermès, Gucci และสินค้าทำความสะอาดสินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น ในหลายรูปแบบ โดยจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 40.15-51.1 ต่อปี 

 

ซึ่งเป็นผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินกฎหมายกำหนดที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี จนมีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อร่วมลงทุนกับพวกจำเลยตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่พวกจำเลยตั้งขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยไม่มีเจตนานำเงินจากประชาชนและผู้เสียหายไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว เป็นเพียงอุบายเพื่อนำเงินลงทุนมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกจำเลยเท่านั้น สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาท ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย

 

โดยวันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ประสิทธิ์ จำเลยที่ 4 ฟังคำผ่านระบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี

 

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องรู้เห็นด้วยตัวเอง สมเหตุสมผล มีรายละเอียดเชื่อมต่อเป็นลำดับเรื่องราวความเป็นมาของการกระทำความผิดตั้งแต่เปิดธุรกิจของจำเลยที่ 1, 3 และ 4 มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนที่จำเลยที่ 1, 3 และ 4 ต่อสู้คดีอ้างว่ามีแผนการธุรกิจและคำนวณตามโมเดลธุรกิจดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนสูงนั้น เป็นเพียงแนวคิดเบิกความลอยๆ ที่โฆษณาหลอกลวงว่าประชาชนผู้เสียหายจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากไม่สามารถกระทำได้จริง พยานและหลักฐานของจำเลยที่ 1, 3 และ 4 ยังมีข้อพิรุธ น่าสงสัย ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์

   

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2, 5-9 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพื่อลงโทษจำเลยที่ 2, 5-9 จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

 

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1,3 และ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, และ 342, พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(1) ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนที่เป็นหนักสุด ให้จำคุก ประสิทธิ์ จำเลยที่ 4 กระทงละ 5 ปี จำนวน 321 กระทง รวม 1,155 ปี และปรับจำเลยที่ 1, 3 และ 4 รายละ 500,000 บาท รวม 321 กระทง รวมเป็นเงิน 145,500,000 บาท อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 20 ปี คงจำคุกประสิทธิ์ จำเลยที่ 4 ไว้รวม 20 ปี และให้จำเลยที่ 1, 3 และ 4 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายอัตราร้อยละ 5 ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2, 5-9 พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ 

 

มีรายงานว่าในวันนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาได้ทำความเห็นแย้งเห็นว่า จำเลยทั้ง 9 รายมีส่วนร่วมรู้เห็นการกระทำผิดด้วย โดยการทำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญานั้นจะอยู่ในสำนวนคดี และหากอัยการยื่นอุทธรณ์ ความเห็นแย้งดังกล่าวก็จะอยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ด้วย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising