วันนี้ (4 มีนาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า วานนี้ (3 มีนาคม) มีออกหมายจับไปกว่า 100 คน และมีการติดตาม โดยให้รายงานผลการตรวจสอบสัญญาณ เสา สาย การใช้ซิม ทุกสัปดาห์ในวันจันทร์ เท่าที่ได้รับรายงานเป็นไปด้วยดียังไม่พบเหตุผิดปกติ
ส่วนปัญหาหลังตัดสัญญาณทำให้คนในประเทศส่วนหนึ่งไม่สามารถใช้สัญญาณได้อาจมีบ้าง ซึ่งวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ได้สั่งการให้ กสทช. ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีวิธีขยายสัญญาณในฝั่งไทยในจุดที่สัญญาณอ่อน แต่ในประเทศเพื่อนบ้านจะไม่สามารถใช้ได้ เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว ซึ่งภาคเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ประเสริฐระบุว่า เราตัดสัญญาณเฉพาะคนที่ไม่มายืนยันประมาณ 10 ราย ส่วนคนที่มายืนยันก็สามารถใช้บริการได้ แต่ถ้าพบว่าสายที่ใช้งานได้ แต่ถูกลากไปในตึก อาคารที่สงสัยว่าอาจใช้ในกลุ่มมิจฉาชีพ หรือใช้ประกอบการทำความผิด เราก็จะดำเนินการ พร้อมย้ำว่ามีการตรวจสอบสายที่ลากข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน หากผู้ประกอบการปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของก็จะมีการตัดตามขั้นตอน
ทั้งนี้หลังจากตัดสัญญาณ พบว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง 20% รวมถึงสถิติของคดีก็ลดลง ในส่วนของสายด่วนภัยออนไลน์ AOC ปัจจุบันมีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน หลังเปิดมาประมาณหนึ่งปี ตัวเลขลง 40% และหลังใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ตัดน้ำมัน ความเสียหายลดลง 20% ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น จากก่อนหน้านี้ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แต่หลังเปิดศูนย์ตัวเลขลดลง เหลือ 60-70 ล้านบาท และหลังมีมาตรการ ค่าความเสียหายต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน โดยส่วนใหญ่ มาจากการหลอกให้ลงทุนเงินดิจิทัล
รอรับฟังความเห็น แก้ไขร่างกฎหมายการพนัน
ประเสริฐกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้กฎหมายระดับรองเพื่อให้ การพนันออนไลน์ถูกกฎหมายว่า เรื่องของพนันออนไลน์นั้นมี 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 อยู่กับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เป็นสัดส่วนกาสิโน 10%
ส่วนที่ 2 คือ ความเห็นของกระทรวงดีอี ในการแก้ไขปัญหาพนันออนไลน์ ที่จะมีการทำกฎหมายระดับรอง ซึ่งทั้ง 2 เรื่องจะคล้ายกัน โดยกระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทำความเห็น
ประเสริฐระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่า การออกกฎหมายระดับรองจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือประกาศกฎกระทรวง ซึ่งต้องดูให้รอบด้าน ในการฟังความคิดเห็นประชาชน และต้องดูกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบด้วย หากมีความใกล้เคียงกัน และอะไรที่ได้ประโยชน์มากกว่า ก็คงต้องเลือกทางนั้น ต้องมีการปรับแก้ และส่งให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบต่อไป ซึ่งทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมาทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมาช่วยดู
ทั้งนี้ยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หลังจากที่สำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งมา เพราะยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของครม. ในส่วนที่เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คนไทยต้องมีเงินฝากประจำ 50,000,000 บาท เพื่อเข้าคาสิโนนั้น ก็ต้องว่ากันไป